พลังพุทธานุภาพ

พระดีบางทีไปอยู่กับคนละโมบโลภมาก

เฉกเช่น “พระเบญจภาคี” อาจกำลังแสดงพลังพุทธานุภาพกำราบ “คอร์รัปชั่น” ที่ดันนำเอามาเป็นเครื่องการันตี ตีราคา “ค่าเก้าอี้” ตำแหน่ง “นายพลบางคน”

ปัจจุบัน “พระเบญจภาคี” ชุดนี้อยู่ในกำมือใคร

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ อยากรู้หรือเปล่า

ว่ากันว่า เรื่องราวของ “หลงจู๊ชาย” ที่กล้าท้าทายกฎหมายดับความหิวกระหายจาก “อำนาจโล่เงิน” เพราะ “เศษเงิน” ใน “ธุรกิจสีเทา” เอามาปัดเป่าน้ำลาย “นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่”  (บางคน) ได้อิ่มท้องพุงกาง ถึงยอมปล่อยวางหน้าที่ ส่งสัญญาณ “ไฟเขียว” ให้กิจการบ่อนพนัน ตู้ม้า ตู้เกมไฟฟ้า เกลื่อนชายทะเลฝั่งภาคตะวันออก

ออกดอกออกผลเปลี่ยนเป็นราคา “พระเบญจภาคี” เอาไป “วิ่งเต้น” โยกย้าย “นายพลบางคน” กระทั่งกระฉ่อน “ยุทธจักรตำรวจ”

ประกวดแทนผลงาน

สุดท้ายผลผลิตพิษภายหลังหมดยุค “มารขาว-มารดำ” ชะตากรรมขององค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ยังไม่อาจ “พ้นภัย” บรรดาเหลือบไรเกาะดูดเลือดหากินอยู่ในสำนักปทุมวัน

ผลัดใบเปลี่ยนต้นวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ไม่อาจสลัดหลุดออกจากร่าง

คือ รากเหง้าของเงาปิศาจ

น่าเห็นใจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับ “ไม้อาญาสิทธิ์” ต่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ทว่าหาได้สิทธิในการเลือก “ขุนพล” เป็นมือไม้ในการปฏิบัติหน้าที่ระดับ “แม่ทัพหน่วย”

ลมกระพือพัดว่า มีเงินสะพัดไม่น้อยจากการแต่งตั้งระดับ “นายพล” ระลอกทิ้งทวน

แม้สุดท้ายยากหาพยานหลักฐานใบเสร็จเรียกรับ ใบสั่งปรับค่าเก้าอี้ ตีมูลค่าสนนราคาหลายล้าน เสมือน “นิทานปรัมปรา” เล่าต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย

กลุ่มอำนาจนอกและในรั้วต่างร่ำรวยกันไป ไร้การฟื้นฝอยหาตะเข็บ ปล่อยคนที่เจ็บจาก “เมล็ดพันธุ์พิษ” กระจายไปทั่วสำนักปทุมวันกับวันที่ “ไข้หวัดมรณะ” ลุกลามสร้างความเสียหายครั้งใหญ่แก่ประเทศชาติจนไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบ

คำตอบต้องกลับไปอ่านใหม่ตอนต้นเรื่อง

ว่าด้วยเรื่องพลังพุทธานุภาพของ “พระเบญจภาคี” หนึ่งในของดีที่อยู่ในกำมือใครบางคน เพื่อตั้ง “นายพลบางคน” ไปแสวงหาผลประโยชน์ในการ “ถอนทุนคืน”

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่คุมกิจการตำรวจออกมายอมรับถึงสถานการณ์ที่บานปลายถึงบ่อนการพนันจำเป็นต้องดำเนินการเฉียบขาด ระบุรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิด แต่อาจมีเจ้าหน้าที่ไม่ดี

มีคนเสนอผลประโยชน์

“ต้องช่วยกันขจัดคนไม่ดี เจ้าหน้าที่ไม่ดีออกไป วันนี้รัฐบาลเต็มที่ ถ้าเราโทษกันไปมาโดยไม่มองว่า จะช่วยกันอย่างไร มันหาทางออกไม่ได้ ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ดำเนินการบนพื้นฐานกฎหมาย เรามีทั้งคนดีและคนไม่ดี ผมรังเกียจคนเหล่านี้” นายกฯตู่ประกาศแข็งกร้าว

เจ้าตัวยืนยัน ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ใด ๆจากใคร

“ ถ้าใครเอาไปอ้าง สอบถามผมก่อน อย่าไปเชื่อ  บางอย่างผมแปลกใจว่า ทำไมมาเกี่ยวข้องก็ไม่รู้เหมือนกัน ขอฝากด้วยสำหรับผู้ที่อ้างอะไรต่าง ๆเลิกได้แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่อ้างว่า เป็นเพื่อนผม อ้างเป็นญาติ อ้างอะไรก็แล้วแต่” พล.อ.ประยุทธ์น้ำเสียงจริงจัง

เพราะฉะนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีไม่อยากรู้หรือว่า “พระเบญจภาคี” ที่ลือกันสะพัดเอามาแก้ขัดแทนค่าเก้าอี้ “นายพลบางคน” เวลานี้อยู่ในกำมือใคร

ใครที่อาจร้อนลุ่มสุมไฟแน่นอก เนื่องจากพลังพุทธานุภาพของ “พระเบญจภาคี”

ขอให้มีอันเป็นไป

 

RELATED ARTICLES