“หมวดผึ้ง”ตำรวจสาวคลั่งไคล้ความเร็ว

ปลิศสาวสวยคม “หมวดผึ้ง” ร.ต.ท.หญิง วันวิสา ธีระปัญญาชัย รอง สว.ฝอ.1 บก.อก.สทส.(ช่วยราชการสำนักงาน ผบช.สกพ.) ผู้คลั่งไคล้ความเร็ว จาก อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีความฝันใฝ่อยากใส่เครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก เพราะซึมซับการปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการตำรวจของอา ร.ต.ท.ธนู เพ็ชร์น้อย รอง สว.(ป)ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. แม้จะเป็นตำรวจทางหลวง แต่ก็อยู่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม จับผู้ร้ายทำผิดกฎหมายขนยาเสพติดมามากมาย บริการประชาชน อำนวยความสะดวกการจราจร อารักขาเส้นทางรับเสด็จกลายเป็นแรงบันดาลใจอยากดำเนินตามรอย อยากช่วยเหลือคนอื่น สร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม

เธอเป็นลูกสาวของอดีตครูมวยและนักมวยรุ่นเก๋าแห่งค่าย “ศิษย์สมพงษ์” ฉายา “เด็ด ศิษย์สมพงษ์” มีชื่อจริงว่า ศักดิ์นรินทร์ ธีระปัญญาชัย ส่วนแม่คือ สมใจ สุดเล็ก ทำอาชีพค้าขาย ก่อนจะเดินตามฝันมาสวมเครื่องแบบตำรวจ เธอเรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย จ.สมุทรสงคราม เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ ก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยจบปริญญาตรี เอกนาฏศิลป์ไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

“พอเรียนจบก็ยังติดตามการเปิดรับสมัครสอบตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมัครสอบอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี แต่สอบไม่ติด ระหว่างนั้นก็เป็นครูสอนนาฏศิลป์ให้เด็กนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เป็นอาสา กทม. สอนเด็กในชุมชนแออัด ขณะเดียวกัน ร่วมงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นนักแสดงไปรำเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างแดน ทั้ง ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น ในใจก็ยังอยากจะรับราชการตำรวจ มองว่า อาชีพที่ทำอยู่ การรำแสดงนั้นไม่มั่นคง แก่ตัวไปการแสดงแบบนี้ก็คงไม่เหมาะแล้ว”

หันไปสมัครทำงานที่ AIS อยู่ 9 ปี ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการ คอยดูแลลูกค้าวีไอพี สาขาเซ็นทรัลชิดลม มีโอกาสได้ร่วมงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และด้วยความที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เด็ก เป็นคนชอบความเร็ว เห็นรถฮาร์เลย์เดวิดสันของตำรวจสันติบาล ตอนนั้น เธอได้แต่ยืนจ้องแล้วบอกกับตัวเองว่าสักวันต้องได้ขี่รถคันนี้ กระทั่งต่อมาโอกาสที่จะได้เป็นตำรวจก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง เมื่อมีการสอบภายในช่วงยุคของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร. สอบผ่านจะได้เป็นตำรวจสมใจดั่งฝัน

ด้วยโปรไฟล์การศึกษาที่จบมาเป็นนาฏศิลป์ ต้องหาตำแหน่ง หรือสังกัดบรรจุให้เหมาะสม ประจวบเหมาะกับมีประวัติการทำงานที่ AIS มากว่า 9 ปี มีความรู้ความเข้าใจทางด้านเทคโนโลยี และการทำงานของอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ จึงบรรจุเข้าสังกัดสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ติดยศ “ส.ต.ต.หญิง” ก่อนไปอบรมที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลักสูตร กอส.37 เป็นเวลา 4 เดือน จบหลักสูตรก็มีดาวติดบนบ่า เป็น “ร.ต.ต.หญิง” ดำรงตำแหน่ง รอง สว.ฝอ.1 บก.อก.สทส.

 

ผู้หมวดสาว บอกว่า รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เมื่อในที่สุดแล้วได้รับราชการตำรวจสมใจดั่งฝัน แม้สถานการณ์ของตำรวจจะมีกระแสต่อต้าน ประชาชนบางส่วนแอนตี้ตำรวจ แต่อยากให้เลือกมอง ทุกองค์กรมีทั้งคนดี คนไม่ดี เราเองก็ต้องเลือกมอง เลือกทำในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ และยังได้อธิบายให้เพื่อนให้คนรู้จักเข้าใจบทบาทหน้าที่ตำรวจ เมื่อความฝันแรก คือ การเป็นตำรวจสำเร็จ ความฝันอีกอย่างคือ ขี่รถฮาร์เลย์ของสันติบาลก็อยู่แค่เอื้อม เพราะตั้งแต่ตอนที่ทำงานก่อนมาเป็นตำรวจก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งไปซื้อรถบิ๊กไบค์ ตามความชื่นชอบของตัวเอง คันแรกเป็น YAMAHA MT 09 850 ซีซี ซื้อทั้งๆที่ยังขับไม่เป็น อาศัยครูพักลักจำฝึกเอง และได้มีโอกาสได้เข้าร่วมกลุ่มบิ๊กไบค์ของที่ปรึกษาสันติบาลและของตำรวจท่องเที่ยว ก่อนเข้าครอสฝึกขับขั้นพื้นฐาน เพื่อจะได้ขับอย่างถูกต้องปลอดภัย

ต่อมา นายตำรวจหญิงมีโอกาสได้รู้จัก พล.ต.ต.ทวีพงศ์ พงษ์สูงเนิน ผบก.ส.3 ในขณะนั้น ชักชวนมาขี่รถนำขบวนอารักขาของสันติบาล เพราะเห็นว่า ตัวเองขี่รถบิ๊กไบค์ ประกอบกับขาดแคลนตำรวจหญิง เธอรู้สึกดีใจมาก เพราะความฝันอีกอย่างเป็นจริง คือ จะได้ขี่รถฮาร์เลย์นำขบวน กระทั่งปัจจุบัน พล.ต.ต.พิสิษฐ์ ตันประเสริฐ เป็น ผบก.ส.3 ก็ยังมอบโอกาสให้ได้ร่วมฝึก สวนสนาม ปฏิบัติภารกิจงานสำคัญต่างๆ ท่ามกลางความดีใจและภูมิใจไปพร้อมกัน

หมวดผึ้ง บอกอีกว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบความเร็ว ชอบบิ๊กไบค์ รักอิสระ ชอบการท่องเที่ยว ก็จะใช้เวลาว่างควบรถบิ๊กไบค์คู่ใจไปท่องเที่ยวกับกลุ่มก๊วนท่องธรรมชาติ ขึ้นเขาเข้าป่า ครั้งที่ซื้อรถมาคันแรกฝึกเอง 3 เดือน ฉายเดี่ยวขับจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อย แต่สนุก  ตอบโจทย์ความชื่นชอบ ได้ความสุขได้ผ่อนคลาย เห็นความงามของธรรมชาติของสถานที่ตามเส้นทางที่ผ่าน วิวสวย สถานที่น่าสนใจก็จอดถ่ายรูป บันทึกภาพสวยๆ ไว้เป็นความทรงจำอันดี และด้วยเป็นคนที่ชอบแนวบู๊ลุยๆ ก็ยังเคยซื้อแนววิบากมาขี่ เรียกได้ว่า สายฝุ่น รถที่ซื้อเป็นรถวิบาก KLX 150 แค่นี้ยังไม่สมใจ อยากลองแนวสปอร์ตแบบเร็วบ้าง จึงได้ซื้อ ZX 10 ขนาด 1,000 ซีซี ทว่าด้วยรถมันเร็วและแรงเกินไป รู้สึกว่าไม่เหมาะ จะเป็นอันตรายก็ขายต่อ  ปัจจุบันมีรถที่ตอบโจทย์ เหมาะกับการเดินทางท่องธรรมชาติสำหรับตัวเอง คือ BMW F 800 ซีซี

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผู้หมวดสาวขาลุยขับบิ๊กไบค์ท่องเที่ยวรวมทั้งกิจกรรมการกุศล ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปอีสาน ตะวันออก ตะวันตก ผ่านไม่รู้กี่พันโค้ง สะสมการขี่หลายหมื่นกิโลเมตร ล่าสุดร่วมแรลลี่ รายการ “ไอรอนแมน แรลลี่” เป็นกิจกรรมที่ทาง BMW จัดขึ้น ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย กับการพิชิตชัย 1 Day 1,000 ไมล์ ที่ใครๆก็บอกว่า เจ๋งมาก มีผู้ร่วมแข่งขัน 81 คน หมายถึงรถบิ๊กไบค์ BMW 81 คัน  มีผู้หญิงเพียง 3 คน ที่ร่วมแข่งขันรายการนี้ หนึ่งในนั้นเป็นหมวดผึ้ง

เส้นทางการแข่งคือ ภูเก็ต-เชียงใหม่ ระยะทาง 1,600 กิโลเมตร ต้องเข้าเส้นชัยภายใน 24 ชม. ระหว่างวันที่ 25 – 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เธอยังโชว์อึดด้วยการขี่บิ๊กไบค์คู่ใจจากกรุงเทพฯลงใต้ไปร่วมจุดสตาร์ตที่ภูเก็ตเองก่อนการแข่งขันเริ่ม 2 วัน ด้วยระยะทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ประมาณ 900 กิโลเมตร และหลังแข่งเสร็จก็ต้องบิดรถคู่ใจจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ อีก ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร เรียกได้ว่างานนี้ต้องสวยอึดเท่านั้น

ท้ายนี้ ร.ต.ท.หญิง วันวิสา ย้ำว่า ไม่ผิดที่เด็กวัยรุ่นหรือนักเรียนนักศึกษาจะรักชอบรถบิ๊กไบค์ คลั่งไคล้ความเร็ว แต่อยากให้คำนึงความเหมาะสม เวลา อายุ ความพร้อมของร่างกายและจิตใจ การมีทักษะการขับขี่ อุปกรณ์เครื่องแต่งกายสำหรับความปลอดภัย ชุด หมวกกันน็อก การพักผ่อนที่เพียงพอ อย่าลืมว่า ขับได้ กับ ขับเป็น ไม่เหมือนกัน เมื่อขี่ได้แล้วต้องขี่เป็น ซึ่งจะมีศูนย์ฝึกมากมาย มีการฝึกหลายระดับ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ “สิ่งสำคัญคือ ต้องมีสติตลอดเวลา เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจะได้ปฏิบัติตัวถูก ต้องเบรกรถแบบไหน อย่างไร ต้องทรงตัวรถแบบใด และโดยส่วนตัวการได้ทำในสิ่งที่ชอบมันดีต่อใจ ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ได้สิ่งดีๆมากมายมาในชีวิต แค่นี้ก็เป็นสุขแล้ว เพราะทุกเส้นทางมักมีเรื่องราวดีๆที่น่าจดจำเสมอ”

 

 

RELATED ARTICLES