“สิ่งเหล่านี้เป็นการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม จึงต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพราะถ้าไม่ทำประชาชนไม่ศรัทธา ไม่เชื่อถือในสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้เกิดปัญหา ทำให้ไม่มีการยึดกฎกติกากัน เป็นเรื่องที่สำคัญที่ตระหนักในปัญหานี้”
เป็นเหตุผลสำคัญที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องเลือกดับร้อนจากตะกอนบันทึกข้อความด่วนที่สุดของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปยัง พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ให้รายงานชี้แจง กรณีเครือข่ายยาไอซลอตใหญ่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 แล้วมีการซัดทอดถึงผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด 8 คน
ในจำนวนนั้นปรากฏชื่อ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ด้วย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ต้องตั้งโต๊ะเปิดแถลงผลการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง
“มีเอกสารราชการบางส่วนหลุดออกไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชน” พล.ต.อ.สุวัฒน์บอกถึงปฐมบทเพลิงร้อน แต่เจ้าตัวบอกว่า “ข้อเท็จจริงบางส่วนที่หลุดออกไป แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งประเด็นสงสัยว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ โปร่งใส หรือมีการช่วยเหลือใครเป็นพิเศษหรือไม่”
เป็นต้นเหตุทำให้องค์กรเสียหาย
“ เอกสารที่หลุดไป คือ ชิ้นเดียว อยากให้ลองอ่านดูที่กล่าวถึง พล.ต.ท.ท่านหนึ่ง เขียนว่า อย่างไร”
แม่ทัพสีกากีแย้มข้อมูลในสำนวนการสอบสวนเล็กน้อยว่า รูปที่พนักงานสอบสวนให้ดูพยานดูเคยเห็นหรือไม่ พยานบอกเคยเห็นมาที่เมียวดี คอมเพล็กซ์ แต่ไม่ได้พูดต่อว่า มาทำอะไร มาหาใคร เจอใคร อะไรยังไงไม่มีเลย
“ดังนั้นการที่จะฟังอะไรต้องชั่งน้ำหนัก ต้องทำไปตามข้อเท็จจริงที่พูดถึง” พล.ต.อ.สุวัฒน์ว่า
เจ้าตัวฝากการบ้านให้คิดตามว่า หากเจอหลักฐานถึงใครเราก็ทำ ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น เพียงแต่ยังไม่ชนกับใคร โดยเฉพาะคนที่ถูกพาดพิง ถ้ามีพยานหลักฐานเอกสารยังรั่วมาได้ ถ้าเป็นความจริงมันจะไม่รั่วออกมาหรือ ถ้ามีมันต้องออกสื่อแล้ว
“ปัญหามันมีหรือเปล่า เราไม่เคยคิดว่าคนนี้พิเศษกว่าคนนี้ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่อะไรที่มันไม่ชัดเจน มันถูกหยิบไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ถูกหยิบไปบ่อนทำลายความเชื่อถือ” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำ
สิ่งที่อันตราย คือ การบ่อนทำลาย ทำลายองค์กรไม่ได้ ทำลายคนก็ได้
“อยากให้ฟังเรื่องนี้ โดยใช้วิจารณญาณ เพราะโลกสมัยนี้การสื่อสารมันไปเร็ว ข้อเท็จจริงบางส่วนหลุดออกมา แต่ไม่ได้หลุดทั้งหมด แล้วท่านเห็นทั้งหมดหรือเปล่า”
ถ้าใครที่เกี่ยวเราไม่เคยละเว้น
“เมื่อพาดพิงถึงต้องตรวจสอบ จะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่ไม่ทำ เรื่องนี้จะถูกนำไปพูดอีก 500 ปี เพราะมันไม่ชัดเจน ดังนั้นต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เกิดความชัดเจนให้ได้”
ท้ายสุด พล.ต.อ.สุวัฒน์ไม่ได้มองเป็นเรื่องความขัดแย้ง เพราะอยู่บนพื้นฐานที่ทำงานร่วมกัน แต่ใครจะหยิบเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์แบบไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องการทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ทุกคนต้องการรู้ข้อเท็จจริง มีใครไม่อยากรู้บางว่า เรื่องจริงเป็นอย่างไร
ตำรวจก็เหมือนกันก็อยากรู้
สำหรับภารกิจไฟลามไหม้ใส่มือใครแล้วผลออกจะ “เจ๊า”หรือ “เจ๊ง”
พิทักษ์ 1 ไม่ได้เฉลยไว้ ปล่อยเวลาพาพิสูจน์กันเอง
