การตายของ “ค่อม ชวนชื่น” ตลกชื่อก้องของเมืองไทย
บทพิสูจน์ความอันตรายของ วายร้ายไวรัสไข้หวัดมรณะ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปทั่วโลก
สร้างความสูญเสียและโศกเศร้าในการจากไปอย่างกะทันหันของหลายครอบครัว
เช่นเดียวกับ ด.ต.รังสรรค์ อ่อนจ้อย ผู้บังคับหมู่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ติดเชื้อโควิดระหว่างไปปฏิบัติภารกิจจับคนร้ายชาวพม่าที่จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อนำคนร้ายไปตรวจหาเชื้อโควิดปรากฏว่า ผลตรวจเป็นบวก
ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ชุดจับกุมทั้งหมดกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน
ทว่า ด.ต.รังสรรค์ อ่อนจ้อย หลบไปกักตัวที่โรงแรม เพราะกลัวนำไวรัสไปติดภรรยาและลูกหลาน
กระทั่งเริ่มมีอาการไข้ เหนื่อย ติดต่อโรงพยาบาลมารับตัวตรวจวัดผลพบติดเชื้อโควิด-19
ผ่านไปชั่วโมงเดียวก็เสียชีวิต
ตำรวจ คือ อีก “กลุ่มเสี่ยง” ไม่แพ้ “นักรบเสื้อกาวน์”
แต่การตั้งรับอย่างเดียวไม่ช่วยอะไรไปกว่าหาวิธี “เสริมเกราะ” ป้องกันตัวเอง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงกำชับโรงพยาบาลตำรวจให้เร่งพิจารณาดำเนินการ “ฉีดวัคซีน”ให้แก่ข้าราชการตำรวจ”กลุ่มเสี่ยง” โดยเร็ว
ที่ผ่านมาทยอยฉีดเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ก่อนสั่งการไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรแต่ละจังหวัดประสานตรงกับคณะกรรมการควบคุมโรคขอสัดส่วนของตำรวจในการจัดสรรวัคซีนมาให้ผู้ปฏิบัติงานในภาคสนาม
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถ “เวิร์กฟอร์มโฮม” ได้ด้วยภารกิจที่ต้องดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชน
มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อจัดสรรวัคซีนต้านเชื้อวายร้ายไวรัส
ถึงกระนั้นกลับมีตำรวจหลายคนเลือกจะปฏิเสธ
ส.ต.ต.นายหนึ่ง ทำรายงานชี้แจง กรณีไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หลังจากต้นสังกัดได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันและดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในกลุ่มเสี่ยงยี่ห้อ sinovac
“กระผมไม่ขอรับการฉีดวัคซีนดังกล่าวเนื่องจากกระผมได้รับข้อมูลข่าวสารในสื่อโทรทัศน์และสื่อโซเชียลมีเดียว่า วัคซีนดังกล่าวไม่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก” เจ้าตัวรายงานเหตุผล
อ้างว่า มีผู้ได้รับผลกระทบถึงแก่ความตายและมีอาการข้างเคียงจากวัคซีน
“กระผมมีความไม่มั่นใจในวัคซีนยี่ห้อดังกล่าว หากรัฐบาลหรือภาคเอกชนมีวัคซีนยี่ห้ออื่นที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพกว่านี้ และไม่มีผลกระทบใดต่อร่างกาย กระผมประสงค์รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน” เขาทิ้งท้าย
ไม่ได้ท้าทายผู้เป็นนาย แต่ยอมเสี่ยงเผชิญอันตรายจากวายร้ายไวรัสไข้หวัดมรณะดีกว่ารับวัคซีนป้องกัน
เป็นแนวคิดของการ “เสพสื่อ” ที่กำลังกระพือไปทั่ววงการตำรวจ
อีกกองบังคับการตำรวจภูธร นายพลผู้นำหน่วยยังยอมรับว่า ลูกน้องจำนวนมากเกิดอาการ “จิตตก” ไม่กล้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 เพราะกลัวผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
เหตุเพราะทุกคนเสพข่าวสาร “ด้านลบ”มากเกินไป กระทั่งเกิด “ข่าวลือ” ในวงการตำรวจ ทำให้ผลการสำรวจผู้ที่ต้องการรับวัคซีนมีจำนวนน้อย
“อ่านข่าวมากเกินไป โดยไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงจึงไม่กล้ารับวัคซีน”
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดดังกล่าวต้องยื่นคำขาด หากใครไม่ต้องการฉีดจะต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบด้วย ไม่ใช่กลัวแล้วมากล่าวอ้างอย่างไม่มีหลักฐานเนื่อง
“เนื่องจากตำรวจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรับวัคซีน เพราะทำงานสัมผัสคนหมู่มาก ต้องจับคนร้ายโดยที่ไม่รู้ว่ามีเชื้อหรือไม่”
การฉีดวัคซีนในตำรวจจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญอันดันต้นเวลานี้