“งานอ่านข่าวอยู่ที่ไหนมันขึ้นกับตัวเรา”

าวคนเก่งผู้มีความมุ่งมั่นสูง

“ลูกแก้ว” สุธาทิพ กลิ่นชำนิ ผู้ประกาศข่าวหน้าตาสดใสแห่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11(เอ็นบีที) พกพาประสบการณ์ยาวนานยืนอยู่บนเวทีหน้าจอทีวี เป็นคนกรุงเทพฯ ที่พ่อแม่สุดรักสุดหวงถึงขนาดให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วน เริ่มต้นเข้าอนุบาลโรงเรียนสตรีพร้อมพรรณวิทยาจนจบชั้นประถมศึกษาไปต่อมัธยมโรงเรียนศรีอยุธยา

ก่อนเป็นนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์สาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทั้งที่ตอนแรกวาดหวังอยากเป็นแอร์โฮสเตส “ความจริงลูกแก้วสอบเอ็นทรานซ์ติดคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต้องไปเรียนหาดใหญ่ แต่คุณแม่ไม่ให้ไป ไม่ปล่อยให้ไปไหนไกลบ้าน คุณแม่ไม่ยอมท่าเดียว พอจะไปเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพตามเพื่อนก็ไม่ได้อีก ตอนนั้นเสียใจมากอยากไปเรียนกับเพื่อน” เธอว่า

ผู้ประกาศสาวเล่าว่า สุดท้ายลงเรียนมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเพราะใกล้บ้าน เลือกสายสื่อมวลชน เพราะซึมซับมาตั้งแต่วัยเด็ก ที่บ้านชอบเปิดทีวีดูข่าวตอนเช้า มีหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 3 ฉบับที่พ่อชอบอ่านระหว่างทานกาแฟ ตื่นเช้ามาเจอข่าวตลอดจุดประกายให้อย่างเข้าวงการมาตั้งแต่คราวนั้น แม้ตอนแรกที่เรียนหอการค้าไทยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เลือกเรียนสื่อมวลชนทำไม ตัวเองก็เรียนปานกลางไม่ได้เก่งอะไรมากมาย

กระทั่งอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์สื่อมวลชนคอมเมนต์ว่า เธอมีแววรุ่งโรจน์ มันทำให้เธอมีไฟมุมานะมากขึ้น ลูกแก้วบอกว่า ตอนเรียนวิชาอ่านข่าวได้เอบวก อาจารย์มองว่า น่าจะทำงานสื่อมวลชนได้ เราโดดเด่นกว่าใคร ออกไปยื่นรายงานสดสถานการณ์ข่าวจำลองขึ้นมาเลยฉุกใจไม่เป็นแอร์โฮสเตสแล้ววางอนาคตไว้อยากเข้าสู่เส้นทางสื่อมวลชน แต่ก็มานั่งคิดว่าจะเข้าวงการได้อย่างไร เพราะเราไม่มีเส้นสาย

ทว่าพอจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เธอกลับได้ไปทำงานเป็นเลขานุการสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ที่ ชุลี กลิ่นชำนิ ผู้พ่อเคยเป็นผู้จัดการอยู่ เธอเล่าว่า ได้ไปเป็นเลขานุการส่วนตัวให้ ปรัชญา รอดเรืองเดช หนุ่มไฟแรงของรั้วลูกแม่รำเพยที่กำลังสานฝันโครงการโรงเรียนเทพศิรินทร์นานาชาติ จังหวัดสระบุรี แต่จับงานได้เพียง 2 เดือนโครงการพับลงเป็นจังหวัดเดียวกับช่อง 7 สีเปิดรับสมัครพนักงานจึงลองไปทิ้งใบสมัครดู

ปรากฏว่าลูกแก้วเริ่มต้นเข้าสู่วงการสื่อมวลขนอย่างที่หวังไว้สำเร็จ เป็นผู้สื่อข่าวฝ่ายรายงานสายตรง คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เจ้าแม่วิกหมอชิตในขณะนั้น ทำงานตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ตะลุยหาข่าวบันเทิง ออกไปตามกองถ่ายกลับมาเขียนข่าว ตัดต่อข่าว สักพักมีโอกาสทำฝ่ายข่าวเฉพาะกิจแล้วกลับมาที่เดิมใต้บังคับบัญชาขอคุณแดง-สุรางค์ กระทั่งเกิดโครงการรับสมัครผู้ประกาศข่าวช่อง  7 ปีแรก  เธอตัดสินใจลองไปสมัครดูเป็นพนักงานคนเดียวที่ลงชิงชัย ทั้งที่รู้ว่า ผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยเลยต้องเอาเวลาช่วงเย็นไปสมัคร

จากหนุ่มสาวที่มาสมัครร่วม 2 พันชีวิต ลูกแก้วฝ่าด่านโชว์ความสามารถติด 1 ใน 14 ผู้ประกาศหน้าใหม่ผ่านเข้าอบรม แต่พอคัดเลือกเสร็จเรียบร้อยกลับกลายเป็นตัวสำรอง เจ้าตัวระบายความรู้สึกว่า เรามั่นใจมีศักยภาพมากกว่านี้ รุ่นนั้นมี ไก่-ภาษิต อภิญญาวาท เหมือนฝัน ประสานพานิช และแจ๊ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ คุณแดงเรียกไปคุยบอกไม่เป็นไร ถ้า 4 คนที่ติดไปเกิดอะไรขึ้นมาเราจะได้เข้าไปเสียบแทน จังหวะนั้นมีพี่ข้างในรู้จักกับคนช่อง 11 แนะนำให้ไปเทสต์หน้ากล้องดูขำ ขำ เพราะเรามีใบประกาศนียบัตรรับรองจากที่นี่แล้วก็ลองไปดู

“สุดท้ายลูกแก้วตัดสินใจลาออกจากช่อง 7” เธอน้ำเสียงจริงจังและอธิบายว่า คุณแดงเรียกไปคุยอีกครั้งบอกว่า อยากทำตำแหน่งไหน ตอนนั้นใจเราไม่อยู่แล้ว เสียความรู้สึกหลายอย่าง เรารู้สึกว่า ทุ่มเททำงานมามาก มีศักยภาพ ประกอบกับไม่ชอบงานบันเทิงที่ต้องมาตามดารา ไปถามดาราเมื่อไหร่จะแต่งงาน มันไร้สาระ วันนี้แต่งตัวยังไงคะ รู้สึกว่า มันไม่ใช่เรา เคยขอคุณแดงอยากไปอยู่ฝ่ายอื่นก็ไม่ได้ อีกอย่างที่น้อยใจคือ เวลาข้างในไปสอบใบผู้ประกาศกัน เราก็ไม่ได้ไป แต่คนอื่นได้ ผู้ใหญ่มาบอกว่า เราเป็นเด็กโครงการเดี๋ยวยังไงก็ได้ไปสอบอยู่แล้ว  ทำให้ลาออก โดยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปทำงานที่ไหน

ว่างอยู่ 2 เดือน เธอว่า มีความคิดจะกลับไปสมัครแอร์โฮสเตสอีก เมื่อพีบีแอร์ของบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัดสั่งเครื่องบินมา 2 ลำ แต่พอไปสอบดันเป็นตัวสำรองอีก ถึงย้อนกลับไปช่อง 11แบบไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเสียความรู้สึกจากช่อง 7 มาแล้วแต่ก็ได้ทำงานเป็นผู้ประกาศและลงภาคสนามในเหตุการณ์สำคัญ อาทิ รายงานสดข่าวพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่สร้างความภาคภูมิใจไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีข่าวเทศกาลสงกรานต์ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 แต่หลัก ๆ จะอยู่ในสตูดิโออ่านข่าวแต่ต้องทำการบ้านตลอด

ถึงกระนั้นก็ตาม ลูกแก้วยอมรับว่า งานผู้ประกาศข่าวจะมีคลื่นลูกใหม่มาแทนเสมอ มันไม่จิรัง เมื่อก่อนเขาจ้างเรา 7 วัน เหลือ 5 วัน แล้วก็เหลือแค่ 2 วัน เช้าเสาร์อาทิตย์ ทำให้เราต้องหาอย่างอื่นทำ มีรายการสุขในสวนช่องวอยซ์ ทีวี ออนแอร์ทุกเช้าวันอาทิตย์ ควบคู่ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับความสวยความงาม สปาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากภายในถึงภายนอก คล้ายกับดารา เราไม่ได้โด่งดังอะไร คนจะได้รู้เราอ่านข่าวก็ต่อเมื่อเราบอกเขาว่า เปิดสิ 7 โมงเช้า มันจะมีกลุ่มคนเฉพาะอยู่ บางคนจำได้เป็นผู้ใหญ่ที่ตื่นเช้า ถ้าวัยรุ่นบางทีเช้าไปเขาก็ไม่ตื่นเพราะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย

“ลูกแก้วรับงานนี้มาก แต่มันขึ้นอยู่กับโอกาส จริง ๆมันขึ้นกับเส้นสาย รัฐบาลเปลี่ยนทีตรงนี้ก็ระส่ำระสาย แต่ลูกแก้วก็รักที่นี่แล้ว อยู่จนกลายเป็นเราเก๋าแล้ว ไม่มีใครมาแตะต้องเราได้ เราไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่ รู้สึกว่า งานอ่านข่าวอยู่ที่ไหนมันขึ้นกับตัวเรา ลูกแก้วเป็นคนไม่ชอบทำอะไรอยู่ในกรอบ ต้องทำงานที่เปลี่ยนบ้าง เป็นเหตุผลที่ทำให้ชอบงานอ่านข่าว เพราะข่าวทุกวันไม่ซ้ำกัน ไม่น่าเบื่อ ทำให้เราได้รอบรู้ ได้เช็กว่า วันนี้มีข่าวอะไรเกิดขึ้นบ้าง แค่ 2 วันไม่ได้คิดตามข่าวก็เปลี่ยนไปแล้ว” ผู้ประกาศสาวช่อง 11 ยิ้มถ่ายทอดเรื่องราว

 

ขอขอบคุณ ร้าน Miss Coffee (นางสาวกาแฟ) การประปา สาขาพญาไท ถนนวิภาวดีรังสิต จตุจักร เอื้อเฝื้อสถานที่

RELATED ARTICLES