ประเด็นร้อน

 

กลับเข้ารับราชการตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

หลังจากศาลปกครองออกคำสั่ง “ทุเลาการบังคับ” ตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ไว้เป็นการชั่วคราว” จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

เสมือนว่า ไม่เคยมีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา มาก่อนแต่อย่างใด

เสมือนว่าไม่เคยมีประกาศสำนักนายกมนตรีที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาก่อนแต่อย่างใด

เจ้าตัวไม่รอ “ใครตีความ” ข้อกฎหมาย จัดแจงเดินทางเข้าชายคาบ้านหลังเดิม กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนไปลงประจำวันรับตำแหน่ง “รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” พร้อมปฏิบัติงานทันที

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เดิมชื่อ “สุวิระ” นามสกุลเดิม “เผือกบางนา” เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2504 ชาวจังหวัดสมุทรปราการ จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 37 และยังมีดีกรีรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Doctor of Philosophy (Development Administration) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ประเดิมตำแหน่งรองสารวัตร สถานีตำรวจภูธรอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ  รองสารวัตรสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ  รองสารวัตรแผนกวินัย ตำรวจภูธรภาค 1 สารวัตรสอบสวนตำรวจภูธร จังหวัดสระบุรี นายเวรผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล สารวัตรแผนก 5 กองกำกับการ 3 กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจสันติบาล

เมื่อครั้งเป็นรองผู้กำกับการถึงรองผู้บังคับการได้ไปทำหน้าที่อาจารย์ ภาควิชาการบริหารงานตำรวจ สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ กองบัญชาการศึกษา แล้วขยับ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 1 ถึงขึ้นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ  ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจทางหลวง

เป็นรองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รองผู้บัญชาการศึกษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทั่งเป็นผู้บัญชาการศึกษา  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ปรึกษา(สบ 10) และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ก่อนเจอ “พายุมรสุม” ถูกตั้งกรรมการสอบสวนและโดนคำสั่งสำรองราชการ

เป็นเหตุผลให้เขายืนเรื่องร้องศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย

กลายเป็น “ประเด็นร้อน” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องถกข้อเครียดเนื่องจากเกิดผลกระทบต่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลระลอกที่ผ่านมา

ตำแหน่งของ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย ที่เลื่อนขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทนจะมีปัญหาตามมาหรือไม่

หากคำสั่งศาลปกครองที่ให้ทุเลาการบังคับคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เสมือนว่า ไม่เคยมีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา มาก่อนแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ยังส่งผลถึง “โควตาเก้าอี้” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะว่างแทนการเกษียณอายุราชการของ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก และ พล.ต.อ.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร เหลือเป็นตำแหน่งเดียว

บัญชีพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังใกล้ถึงเวลาระฆังสัญญาณจะเกิดปัญหากระทบไม่ต่าง “โดมิโนล้ม” กันระเนระนาด

“เดดล็อก” เที่ยวนี้ใครจะเป็น “ผู้ชี้ขาด”

เวลานี้ มีเพียง พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแจ้งแนวทางตามขั้นตอนว่า เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับหนังสือจากศาลปกครองแล้วคงต้องพิจารณาในตัวกฎหมาย มีสำนักงานกฎหมายและคดี รวมถึงสำนักงานกำลังพลร่วมกันหาแนวทางว่าจะดำเนินการกันอย่างไร

“สำหรับกรณีดังกล่าวไม่เคยปรากฏในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การพิจารณาข้อกฎหมายต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วน”  พล.ต.ต.ยิ่งยศว่า

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติพูดไม่เต็มปาก เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ตัดสินใจโดยตรง ตอบได้แค่หลักการ

“กรณีนี้อย่าเพิ่งบอกว่า เรามึน ยืนยันว่า ไม่ได้มึน คำสั่งศาลว่า อย่างไรเราก็ดำเนินการไปอย่างนั้น แต่จะทำอย่างไรต่างหาก ต้องมีการมาหาแนวทางกัน แต่ต้องรักษาสิทธิ์ตามกฎหมายของทุกคน ทุกคนได้รับสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมาย”

เงื่อนไขที่กำลังเป็นปมระอุป่วนทุ่งปทุมวัน

 

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES