รับรู้ เข้าใจ เชื่อมั่น สถาบัน

 

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “รับรู้ เข้าใจ เชื่อมั่น สถาบัน”

กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพในกรุงเทพมหานคร ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,116 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10 – 17 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

ว่าด้วยการ รับรู้ เข้าใจ เชื่อมั่น สถาบันหลักของชาติในการช่วยเหลือประชาชน พบร้อยละ 90.3 รับรู้ เข้าใจ เรื่องการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และภารกิจช่วยเหลือประชาชนเรื่องโควิด-19

ร้อยละ 88.8 รับรู้ เข้าใจ เชื่อมั่น เรื่องการลดความยากจน พัฒนาบ้านเมืองอย่างยั่งยืนในโครงการต่าง ๆ เช่น ทรงสืบสานรักษาต่อยอดโครงการพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 โครงการจิตอาสา 904 ช่วยเหลือการศึกษาเด็กนักเรียนยากจนด้อยโอกาส ช่วยเหลือนักโทษ เพื่อนพึ่งภายามยาก ช่วยเหลือผู้เสียสละชีวิตเพื่อชาติและประชาชน และโครงการโคก หนอง นา เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ร้อยละ 88.7 รู้ เข้าใจ เชื่อมั่นต่อสถาบันหลักของชาติเรื่อง ช่วยลดผลกระทบด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ช่วงโควิด-19

ร้อยละ 88.1 รับรู้ว่า ในหลวงทรงเข้าถึงและแก้ปัญหาวิกฤติเร่งด่วนทุกปัญหาของประชาชน เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โรงงานสารเคมีระเบิด การเสียชีวิตของผู้เสียสละเพื่อชาติและประชาชน ตลอดจนทรงเป็นห่วงกรณีเด็ก 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง และเหตุการณ์กราดยิงประชาชนที่จังหวัดนครราชสีมา

มีร้อยละ 86.8 รับรู้ถึงในหลวงทรงช่วยเหลือการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 92.8 พอใจที่สถาบันหลักของชาติไม่ทิ้งประชาชน ร้อยละ 92.6 ยังรับรู้พระราชกรณียกิจช่วยเหลือประชาชนทุกหมู่เหล่าแบบ “ปิดทองหลังพระ”

ร้อยละ 92.0 ตระหนักว่า ในหลวงทุกพระองค์ทรงรักประชาชนทุกกลุ่มทุกหมู่เหล่า

แล้วข้าราชการตำรวจจะตอบแทนสถาบันหลักของชาติได้ดีเพียงใด

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเคยกล่าวฝากไว้ว่า เราเป็นข้าราชการ ทุกคนอยากได้ตำแหน่งดี ๆ พอได้ตำแหน่งแล้ว เราลืมหน้าที่หรือเปล่า เราดูแต่ตำแหน่ง เราดูไหมว่า ตำแหน่งนั้นมันมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำ เราได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งนั้นไหม นี่คือ สิ่งที่ข้าราชการควรจะคำนึงถึง หน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินประชาชน

“หน้าที่ของข้าราชการ คือ การดูแลประชาชนพสกนิกรของพระองค์” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ว่า

ตามความหมายของคำว่า “ข้าราชการ” คือ งานของพระราชา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสว่า อาชีพราชการ ราชมาจากราชา การคือ งาน รวมกัน คือ งานของพระราชา

“เมื่อเราเป็นข้าราชการ เป็นข้าของในหลวง ต้องทำงานให้ในหลวง แล้วเราทำได้ดีหรือยัง ถ้าบอกว่าเราเหนื่อย แล้วเราเหนื่อยยังไง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานด้วยสายพระเนตรเพียงข้างเดียวมาตลอด 70 ปีของการครองราชย์ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในฝาย ในป่า ด้วยพระเนตรเพียงข้างเดียว แล้วเราทำงานสองตา แล้วเราบอกว่าเราเหนื่อยอย่างนั้นหรือ” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอธิบายชัดเจน

“เวลาผมเห็นใครท้อ  ผมจะพูดเสมอว่า ขอให้นึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านทรงเหนื่อย พระเสโทไหลลงที่ไหน แต่ที่นั่นเขียวชอุ่มงอกงามหมด เพราะพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนจะทรงสอนให้จำ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น พวกเราฟังพระองค์ท่านทุกวันที่ 4 ธันวาคมสมัยก่อน พระองค์จะมีพระราชปฏิสันถาร พระบรมราโชวาท เราฟัง แต่เราไม่เคยได้ยินพระองค์สอนอะไรเรา เราดูแค่ในโทรทัศน์ แต่เราไม่เคยเห็นพระองค์ มาเห็นมาได้ยินก็ต่อเมื่อ พระองค์ท่านจากเราไปแล้ว ได้เห็นโครงการต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านได้ทำให้กับพสกนิกรไทยไว้มากมาย”

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์บอกอีกว่า พระองค์ท่านทรงต่อสู้กับภัยธรรมชาติ ทรงต่อสู้กับความยากจน แล้วในหลวงรัชกาลปัจจุบันทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านกว่า 100 พระบรมราโชวาทตลอดรัชกาล

สรุปออกมามีคำเดียว คือคำว่า “ให้” เป็นผู้ให้ ให้ทุกอย่าง ให้ความสุข ให้การบริการ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

“คือ สิ่งที่จิตอาสา 904 ทำในวันนี้ คือ การส่งต่อความรัก ความสามัคคีให้เกิดกับสถาบัน และเพื่อประเทศชาติ เพื่อแผ่นดิน นี่คือ สิ่งที่ผมภาคภูมิใจ เราได้ความรู้มา รับมาแล้ว ถ้าเราไม่ส่งต่อความรู้นี้ แล้วมันมีประโยชน์อะไรกับชาติบ้านเมือง”

เสมือน การสืบสาน รักษา ต่อยอด

ตามพระราชปณิธานของในหลวงองค์ปัจจุบัน

 

 

RELATED ARTICLES