แพงเกินกว่าจะกู้ซากคืน

 

บทเรียนของ “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ คือ อุทาหรณ์นายตำรวจรุ่นใหม่ที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยากให้ดูเป็นตัวอย่าง

“ทำอะไรไว้ไม่ดี ไม่มีทางหนีพ้นไปได้ และสิ่งที่ตามมามันเกิดความเสียหาย หากนิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้ง ส่วนตัวมั่นใจว่า ตำรวจส่วนใหญ่ยังดี คนไม่ดีก็ต้องรับผลกรรมที่ทำไว้ เราไม่สามารถเอาคนแบบนี้ไว้ได้ เพราะคนที่เหลือจะเดินไม่ได้ เป็นตำรวจก็ต้องรักษากฎหมาย เพราะถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นศรัทธาก็อยู่กันไม่ได้”

มันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าสิ่งที่นายตำรวจหนุ่มไฮโซจะอ้างเพื่อหน้าที่ หรือเรื่องส่วนตัวก็ยากจะปฏิเสธผลแห่งกระทำที่เกิดขึ้น

กระทบองค์กรสีกากีเสียหายเป็นวงกว้าง

ยากจะล้างภาพความสกปรกที่เลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วทุ่งปทุมวัน

“เด็กรุ่นใหม่อายุยังน้อย ความหุนหันพลันแล่นมันสูง ดังนั้นการควบคุมอารมณ์ต้องมีสูงมาก ความผิดพลาดจะไม่มี” พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี ตำนานนักสืบระดับปรมาจารย์เคยเป็นห่วงสำนักงานเก่า

เขาประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้านานแล้วเป็นข้อคิดแก่นายตำรวจรุ่นน้องเกี่ยวกับสังคมโซเชียลมีเดีย

ถ้าวันหนึ่งก้าวพลาดขึ้นมาจะตีกลับเป็นทวีคูณ

“ตำรวจที่เล่นโซเชียลมีเดียอันตราย อย่าไปเป็นผู้นำในโลกโซเชียล เพราะอนาคตอาจจะกลับมาฆ่าตัวเอง ทำนองหมองูตาย เพราะงู ต้องระวังให้มาก รู้จักการวางตัว อ่อนน้อมถ่อมตน รู้มากแต่นิ่งดีที่สุด เนื่องจากทุกวันนี้เป็นสังคมที่ไม่มีใครซ่อนตัวได้อีกแล้ว”

เราอาจซ่อนตัวเรา แต่คนอื่นอาจมีภาพเราอยู่ในภาพของเขา

โอกาสผิดพลาดสูง หากไปทำอะไรรุ่มร่าม

“เหมือนกับการทำบันทึกการสืบสวนสอบสวนต้องตามความจริงจะมานั่งมั่ว ๆ อย่างสมัยก่อนไม่ได้เด็ดขาด”

ทำดีมาร้อยครั้ง พลาดครั้งเดียว ทุกอย่างจบหมดเลย สังคมไม่ให้อภัย

เจ้าตัวกังวลโลกที่เปลี่ยนแปลงไป กาทำงานของตำรวจย่อมส่งผลกระทบที่ตามมา ด้วยเพราะในปัจจุบันที่สังคมออนไลน์จ้องจะค้นหาข้อมูลข้อเท็จจริงด้วยตัวเองแข่งกับตำรวจย่อมส่งผลกระทบต่อการแกะรอยติดตามคนร้าย

หลายคดีที่ถูกแทรกแซงโดยโซเชียลมีเดียจนเป็นผลเสีย กดดันการทำงาน แทนที่จะพาคดีไปข้างหน้าเอาผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล

กลับต้องมาเสียเวลาทำให้สังคมเชื่อว่า เราจับกุมผู้ต้องหาถูกตัว เพราะสังคมโซเชียลเอนเอียงไปอีกทางแล้ว

“สุดท้ายต้องมาแก้สิ่งที่โซเชียลมีเดียพาลงคลองไปแล้ว ต้องมาแก้ต่างว่า ไม่ใช่ ทำไมไม่บอกแต่แรก ไปโทษข่าวไม่ได้ ต้องโทษตำรวจที่ทำงาน” พล.ต.ต.ปรีชาว่า

“ตัวตำรวจนักสืบเองอย่าลืมว่า จะทำอะไรบุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว คิดว่าจะไปหิ้วใคร อุ้มใคร เลิกได้แล้ว” เขาย้ำ

วันนี้มันอาจจะปิดได้นิดหนึ่ง แต่มันจะไปเปิดที่อื่น เพราะมันเป็นสังคม No one can hide ที่แปลว่า ไม่มีใครซ่อนได้แล้ว

“อยู่ที่ว่า ถ้าคุณทำคดี คุณปิดได้ในระยะหนึ่ง อีกหน่อยเพื่อนร่วมงาน แค่นั่งอยู่บ้าน ทะเลาะกัน มันก็เปิดเลย มันก็จะเสียหาย ความไว้ใจไม่มี”

ดังนั้น เรื่องความเป็นเอกภาพของทีมสำคัญ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความผู้นำ

ถ้าไม่ดีก็เละ

บทเรียนของ “ผู้กำกับโจ้” ถึงราคาแพงเกินค่าแก่การกู้ซากมันขึ้นมา

 

 

 

 

RELATED ARTICLES