“ที่ยอมแต่งงานด้วยเพราะเขาไม่มีฟอร์ม เขาจริงใจ”

าวอุดรพ่ายลูกอ้อนนายตำรวจหนุ่มหล่อจนต้องตัดสินใจลงเอยร่วมหอใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน

คุณแคท-ริญญาภัทร์ นำพา นักธุรกิจสาวเจ้าของบริษัท เมก้า โปรคอนกรีต จำกัด ธุรกิจในเครือ หจก.พรนำพา รับเหมาก่อสร้างของตระกูล ภรรยา พ.ต.ท.ณัฐพล เยาวครุธ รองผู้กำกับการปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 54

เกิดอำเภอหนองหาน เป็นลูกคนโตในบรรดาพี่น้อง 3 คน วัยเด็กเรียนประถมในอำเภอ ต่อมัธยมโรงเรียนสตรีราชินูทิศ อุดรธานี ก่อนจบคณะบัญชีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ด้วยความที่แม่ปูทางไว้ล่วงหน้าอยากให้มาสานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่บ้านเกิด

จบมาตอนแรกเปิดร้านอิงค์เจ็ตควบคู่กับช่วยดูธุรกิจของบ้าน กระทั่งอยู่มาวันหนึ่งมีกามเทพโผล่มาทำหน้าที่สื่อรักเป็นเพื่อนบอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งอยากแนะนำให้รู้จักจะให้ไอดีไลน์ไปได้ไหม เธอไม่คิดอะไรเลยยินดีให้ไปไว้เผื่อคุยกันเล่น ๆ จังหวะตอนนั้นฝ่ายชายเพิ่งอกหัก และกำลังมุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในกลางเมืองหลวงก็มีเพื่อนสนิทแนะนำเช่นกันว่า อยากให้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่งเอาไลน์ไปลองคุยดู

ครั้งแรกที่เขาเห็นภาพทางไลน์ นายตำรวจหนุ่มรู้สึกปิ๊งขึ้นมาทันที ศรรักปักอกเข้าอย่างจัง ส่งไลน์คุยกันไม่กี่วันระยะทางจากอุดรธานีไม่ได้ไกลอย่างที่คิด ประจวบเหมาะกับเป็นโอกาสทองที่พักเวรพอดี และมีโครงการเปิดธุรกิจอยู่อุดรธานีด้วย เขาเลยตัดสินใจนั่งเครื่องบินสู่แดนอีสานเหนืออย่างไม่รีรอ

คุณแคทบอกว่า ตกใจเหมือนกัน คุยได้ 2 สัปดาห์เขามาที่อุดรธานีนัดเรากินเข้า รู้ว่าเป็นตำรวจ เราไม่ชอบตำรวจ มองว่าน่าจะเจ้าชู้ เขาเป็นสารวัตรอยู่ฉะเชิงเทรา เจอหน้ากันครั้งแรกคิดว่า หล่อดี เรียบร้อยดี แต่ไม่คิดจะคบหากัน เขาพักอยู่ 3 วัน แวะมารับไปกินข้าวทุกวัน เราต้องระวังตัว เพราะกลัวโดนหลอก

เมื่อนายตำรวจหนุ่มบินกลับมาปฏิบัติภารกิจตามเดิม คุณแคทว่า เริ่มโทรศัพท์คุยกันมากขึ้น แต่ก็ยังเฉย ๆ ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะไว้ใจว่า เขามาแบบไหน เพราะเขาจะผลุบ ๆ โผล่ ๆ เนื่องจากมีสถานการณ์ผู้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล คิดว่า เขาก็ทำงานเสี่ยงพอสมควร ทำไปทำมาเริ่มเห็นใจ กระทั่งเขาบินกลับมาอีกครั้งตรงกับวันเกิดเราพอดี

“เขาจะใช้วิธีตื้อ เที่ยวนี้บุกบ้านเชิญคุณพ่อ คุณแม่แคทไปทานข้าวด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็งง เขาพูดขึ้นมากลางวงโต๊ะกินข้าวเลยว่า จะขอคบกับแคท ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อนเลย พูดมาตรง ๆ ต่อหน้าแคท คุณพ่อคุณแม่บอกว่า ขอให้คบจริงจัง ไม่ได้มาหลอกลวงอะไรก็โอเค แต่ขอให้เข้าตามตรอกออกตามประตูนะ เขาก็รับปาก มันเป็นอะไรที่ขำ ๆ คิดว่า ตรงนี้แหละที่ซื้อใจแคท  แคทก็ตัดสินใจคบ แต่ยังไม่ไว้ใจ”

ผ่านไป 6 เดือน สาวนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถึงยอมรับเป็นแฟนด้วยความที่เขาอารมณ์ดี พูดจาไพเราะ มาดไม่เหมือนตำรวจ ไปมาหาสู่ทุกเดือน ๆ ละ 2 รอบ เธอไม่คิดว่า ความแตกต่างเรื่องระยะทางจะเป็นอุปสรรค ที่ยอมเพราะคุยกันแล้วคิดว่าใช่ถึงคบกันเป็นแฟนและคิดถึงเรื่องแต่งงาน เพราะต่างฝ่ายต่างอายุมากแล้วกลัวมีลูกไม่ทันใช้

วันที่ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ คุณแคทเล่าว่า ก่อนหน้าเขาจะมาคุยกับพ่อแม่เราเรื่องทั่วไป แล้วพอช่วงปีใหม่ก็เชิญพ่อแม่ไปเที่ยวที่บ้านเขา ให้ครอบครัว คือ พ่อแม่เขาและพ่อแม่เราทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน เริ่มรู้ว่าเขาจริงจัง ไม่ได้หลอก หลังจากนั้น กลับไปพ่อแม่เราอีกครั้ง “คุณพ่อก็เรียกไปคุยบอกว่า ทั้งเขาและแคทก็อายุพอสมควรแล้ว คบกันก็ปีหนึ่งได้แล้ว ถ้าจริงใจ คุณพ่อคิดว่า น่าจะแต่งงาน เพราะทางบ้านเราก็พร้อมทั้งสองฝ่าย เขาก็บอกว่า ไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่ที่แคท เพราะบอกตลอดว่า รักนะ แต่ถ้าแต่งงานก็จะเป็นเรื่องของครอบครัวต้องรับรู้ด้วย”

“ที่ยอมแต่งงานด้วยเพราะเขาไม่มีฟอร์ม เขาจริงใจ พูดตรงๆ ไม่เก๊ก ไม่เหมือนตำรวจ เขาเป็นคนอ่อนโยน ไม่เหมือนที่เคยเจอมา ส่วนใหญ่จะขี้เก๊ก ขี้อวด ยิ่งตำรวจอีสานส่วนใหญ่จะเก๊กหมด ก้มไม่เป็น แต่เขาอยู่กับนาย เขารู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร เขาไม่ค่อยแต่งเครื่องแบบ จนที่บ้านไม่คิดว่า เขาเป็นตำรวจด้วยซ้ำ”

กำหนดฤกษ์ยามลงตัว แต่เธอเกือบเป็นม่ายขันหมาก เมื่อสามีลงปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนเชิงสะพานผ่านฟ้า ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมไล่ยิง ก่อนปิดฉากด้วยวีรกรรม ด.ต.ธีรเดช เล็กภู่ เตะระเบิดที่ปาใส่โล่ตำรวจจนบาดเจ็บสาหัส คุณแคทเล่าว่า ก่อนหน้าตอนเช้าโทรศัพท์คุยกับเขาว่าจะคุมกำลังไปอยู่ตรงไหน มีเครื่องหมายบอกฝ่ายเป็นผ้าพันคอสีฟ้า พอเกิดเหตุทีวีรายงานตกใจเลย เพราะกลุ่มที่อยู่ตรงนั้นผ้าพันคอสีฟ้ามาจากตำรวจภูธรภาค 2 โทรศัพท์ติดต่อเขาก็ไม่ได้ เห็นห่วงมาก ตอนหลังเขามาเล่าว่า หากไม่ได้ตำรวจลูกน้องคนนั้นช่วย เขากับพวกที่เหลือคงร่างกระเด็นกระจุยไปแล้ว เพราะเขายืนอยู่หลัง ด.ต.ธีรเดช พอดี

ผ่านวิกฤติที่เกือบเป็นสงครามกลางเมือง ในที่สุดระฆังวิวาห์ลั่น ประเพณีลอดซุ้มกระบี่ ทำเอาฝ่ายหญิงรู้สึกขลังมาก ขนลุก และประทับใจว่า เลือกคนไม่ผิด งานออกมาดูดี จัดเลี้ยงฉลองกัน 2 ครั้ง ทั้งที่อุดรธานีบ้านเกิด และที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพมหานคร ทว่าสุดท้ายแล้ว เธอต้องมาปรับตัวกับการใช้ชีวิตร่วมกัน 2 คน

เหนื่อย ต้องเดินทางไปมาระหว่างศรีราชากับอุดรธานี ใหม่ ๆ ตอนแรกถึงกับร้องไห้เลย เพราะไม่ได้ทำงานอยู่แฟลต มันคิดถึงบ้าน ปกติทำงานตลอด คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ นานไปเริ่มอยากมีลูกจะได้ไม่เหงา แต่ก็ยังไม่มี เพราะไปปรึกษาคุณหมอมาแล้ว หมอแนะว่า ต้องตรวจสอบสุขภาพกันก่อน ต้องฉีดยาคุม 3 เดือนป้องกันหัดเยอรมัน และไวรัสตับอักเสบบีเพื่อลูกเราจะได้ไม่มีปัญหา ถ้าไม่ฉีดก่อนแล้วมาฉีดตอนท้องมันจะอันตรายกับลูก พูดง่ายๆ คืออาจติดเชื้อ ถ้าฉีดแล้วแบบนี้โอกาสจะไม่มี” ภรรยาสาวสารวัตรปราบปรามว่า

หลังแต่งงาน เจ้าสาวบอกถึงการปรับตัวว่า ไม่ได้ปรับกันเท่าไหร่ แต่เล่นเฟซไทม์กับหลาน คุยกับแม่ประจำ โทรศัพท์คุยกันทุกวัน เราก็จะกลับบ้านทุก 2 เดือน เราอยู่นี่เราไม่มีเพื่อน แฟลตข้างๆ ก็เป็นตำรวจชั้นประทวน สามีต้องทำมาหากิน เวลาไม่ได้เข้าเวรถึงจะปลีกเวลามาอยู่ด้วยกัน ก็งอนกันเป็นประจำ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน เขาไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ใช้ชีวิตตามประสาผู้ชาย ต้องออกสังคมกินเหล้าบ้าง เราก็จะห่วง

คุณแคทบอกอีกว่า ต้องทำใจ ชีวิตตำรวจสังคมมันเยอะ ตอนนี้ก็ทำใจได้บ้าง แต่ไม่ได้เสียทีเดียวค่อยๆ ปรับกันไป เพราะเวลาเขามีงานจะเอาแน่ไม่ได้เลย แต่เราจะงอนเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องงาน เพราะเห็นว่า เขาทำงานหนักอยู่แล้ว ถึงกระนั้นก็ตาม เรามีแพลนจะทำธุรกิจหลายอย่าง โดยจะไปทำที่อุดรธานีรอจังหวะให้เขามีแรงพอน่าจะลงปักฐานอยู่ที่นั่น

หลักในการประคองชีวิตคู่ของเธอแม้วันเวลาความเป็นครอบครัว  เธอบอกว่า พอจับหลักตัวเองได้ว่า ถ้าโกรธกันเยอะๆ งอนกันจริงๆ ก็จะเงียบ ไม่คุยกัน เพราะคิดว่าฝ่ายหนึ่งต้องหยุด เวลาทะเลาะกัน แต่อย่าให้ข้ามคืน ต้องรอให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสงบก่อน แล้วค่อยคุย เราทั้งคู่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ไม่งี่เง้าแบบคนทั่วไป มีอะไรคุยกันง่าย ไม่ต้องปรับตัวมาก

เจ้าของธุรกิจก่อสร้างภาคอีสานและรองผู้กำกับหนุ่มผู้เป็นสามีวางแผนว่า อยากจะมีลูก 3 คน วันนี้ทุกคนพร้อมแล้วที่จะสร้างครอบครัวให้อบอุ่นเป็นปึกแผ่นมากขึ้น

 

 

RELATED ARTICLES