อาละวาดทำผิดซ้ำซากอยู่บนโลกโซเชียล
อัตราโทษมันน้อย หรือคุกไม่อาจเปลี่ยนแปลงสันดานของมนุษย์ “พันธุ์โกง”
ทำให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมกวาดล้างอาชญากรรมทางไซเบอร์ หลังจากที่มีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงซื้อขายสินค้าในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19
โดยเฉพาะกรณีเด็กนักเรียนอายุ 15 ปี สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อเรียนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันแล้วกลับไม่ได้ของ เป็นเหตุให้เกิดอาการเครียดจนมีภาวะแทรกซ้อนเส้นโลหิตในสมองแตกและเสียชีวิต
พล.ต.อ.สุวัฒน์ สั่งระดมตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจท้องที่แก้ปัญหาให้ประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน
เปิดมาตรการเชิงรุกไล่ล่าเครือข่ายขบวนการหลอกลวงบนโลกไซเบอร์
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำเอาแนวคิดของ “อาจารย์ปั๊ด” ไปต่อยอดเหมือนนายพลรุ่นน้องอย่าง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ศิษย์สำนักเดียวกัน
มุ่งเน้นป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในโลกออนไลน์ให้ก้าวทันอาชญากรรมในโลกยุคปัจจุบันเป็นเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจออกตรวจตราป้องกันเหตุอาชญากรรมในทางสาธารณะ กำชับให้มีความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชนในโลกโซเซียล
เพื่อไม่ให้สุจริตชนหาเช้ากินค่ำตกเป็นเหยื่อ
เพราะอาชญากรรมในโลกโซเซียลได้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และสร้างความเสียหายจำนวนมาก พร้อมก่อเหตุไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกเวลา
นำไปสู่การจัดตั้ง “ทีมลาดตระเวนออนไลน์” เปิดเกมบุกเก็บกวาดกลโกงของ “คนโกง” บนโลกไซเบอร์
มอบหมาย พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าชุม คุมทีม พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ออกหาข้อมูลเบาะแสในอินเตอร์เน็ต
เกี่ยวกับพฤติกรรมคนโกง
สอดส่องเสาะหาตาม “กูเกิล” รวมถึงเพจต่าง ๆ ที่แฉพฤติการณ์การกระทำความผิด เล่ห์เหลี่ยม ประวัติ โดยเฉพาะบัญชีดำจาก “แบล็กลิสต์คนโกง” ลงรายละเอียดไว้ใน www. Blacklistseller.com
ก่อนนำข้อมูลไปวิเคราะห์ประมวลความเสียหาย ตามรอยประวัติหมายจับผู้กระทำความผิด เข้าสู่ระบบการสืบสวนติดตามจับกุม
บางคนถูกจับไปแล้วเพิ่งประกันตัวออกมาก็ถูกจับซ้ำอีก
“คือ ไม่รู้จักเข็ดหลาบ” พล.ต.ต.นพศิลป์ว่า
เขายกตัวอย่างรายของ น.ส.ชนิสรา แสงบุญ อายุ 38 ปี ก่อนหน้าเคยถูกกองปราบปรามจับกุมข้อหาฉ้อโกง ก่อนจะโดนทีมสืบสวนสมัยเขาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 รวบตัวอีกรอบ
กลับมาตั้งแก๊งหลอกขายที่นอนยางพารา มูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
เปิดเฟซบุ๊ก 19 เพจ ประกาศขายที่นอนราคาถูก มีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวน 3,500 คน หลวมตัวโอนเงินไปให้กลุ่มผู้ต้องหาแล้วจะบล็อกลูกค้า หนีไปเปิดเพจใหม่ตุ๋นเหยื่อรายอื่น
กลุ่มผู้ต้องหาถูกขึ้นบัญชีคนโกงใน www. Blacklistseller.com เฉพาะรายของ น.ส.ชนิสรา แสงบุญ เคยโดนจับกุมดำเนินคดีลักษณะเดียวกันกว่า 10 ครั้ง ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
เครือข่ายแก๊งหลอกขายที่นอนยางพารามีจำนวน 3 ราย 13 หมาย ลำพังแค่ น.ส.ชนิสรา แสงบุญ คนเดียวล่อไปถึง 7 หมายจับ ส่วนเพื่อนร่วมก๊วน มี น.ส.พรวดี ประคองศรี อายุ 36 ปี มี 4 หมายจับ และนายเกรียงศักดิ์ แคล้วรอดภัย อายุ 34 ปี อีก 2 หมาย
ตลอดเดือนที่ผ่านมา ทีมลาดตระเวนออนไลน์ของนครบาล ไล่ล่าเก็บ “บัญชีดำคนโกง” แทบทุกวันตามข้อมูลเบาะแสไปทั่วประเทศจำนวนมาก ไม่ได้ตีกรอบแค่เมืองหลวง เนื่องจาก มิจฉาชีพบนโลกไร้พรมแดน กระจายกันอยู่ทุกพื้นที่
“ฝากแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อในการหลอกซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์” ผู้การนักสืบประชาสัมพันธ์
ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม