แลเมืองกรุง-มุ่งเลตรัง-ฟังลิกอร์

 

หลายคนถามมา ช่วงนี้ถ้ามีเวลาว่างสัก 3-4 วัน อยากไปสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนและชื่นชมธรรมชาติ มีทริปไหนเด็ดๆมาแนะนำ ถามมาก็ตอบไป นี่เลยทริปดีที่อยากให้ไปลอง โครงการเปิดทองหลังพระ :ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ “Royal Innitiative Discovery”

ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานโครงการเผยว่า จัดขึ้นเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปี 2550 มีวัตถุประสงค์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงาม พร้อมเรียนรู้แนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่าน รวมถึงโครงการของพระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 3,000 โครงการ เปรียบเสมือนพระองค์ท่านทรง“ปิดทองหลังพระ”มาเป็นเวลานาน

โครงการแรกที่อยากแนะนำ ถ้าใครชื่นชอบทะเลอันดามัน และวิถีชีวิตชาวใต้ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ต้องทริปนี้ “แลเมืองลุง-มุ่งเลตรัง-ฟังลิกอร์”  ฟังแค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ในเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน เราสามารถไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวแบบเต็มๆได้ถึง 3 จังหวัด (รับรองไม่ใช่ชะโงกทัวร์)

เริ่มออกเดินทางด้วยรถยนต์แบบสบายๆ มุ่งหน้าลงใต้ไปตามถนนเพชรเกษม หลับเอาแรงสักงีบ พอเช้ามืดก็ถึงจุดหมายแรก เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง แค่ย่างเท้าลงจากรถ เสียงนกนานาพันธุ์ที่เตรียมออกหากินยามเช้าตรู่ ต่างร้องทักทายผู้มาเยือนกันเซ็งแซ่ ปลุกผู้ที่ยังง่วงซึมให้ตื่นจากภวังค์ได้ชะงัดนัก

ที่นี่เป็น แรมซาร์ไซต์ หรือพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งแรกของโลกของประเทศไทย มีพื้นที่ 450 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ ของนกนานาชนิด ทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ พอตะวันดวงกลมโตโผล่พ้นตีนฟ้า เรือเครื่องก็พาแหวกผืนน้ำมุ่งสู่ทะเลน้อย ทะเลสาบน้ำจืดที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบสงขลา

แค่ห่างจากฝั่งไปไม่ไกล ก็ต้องตกตะลึงกับทุ่งทะเลบัวล้านดอก มองไปทางไหนจะเห็นดอกบัวสายสีชมพูสดใสชูก้านบานสะพรั่งละลานตาเต็มไปหมด โดยมีนกอีโก้ง พระเอกของที่นี่ พาพรรคพวกวิ่งไล่จับกุ้งหอยปูปลากินเป็นอาหารเช้า และมีเหยี่ยวแดงบินวนเวียนอยู่เหนือหัว ทำให้รู้สึกเหมือนไปเที่ยวทุ่งซาฟารี แต่เป็นซาฟารีทางน้ำนะ หลังขึ้นจากเรือช่วงสายๆ แวะไปดูวิถีชีวิตชาวทะเลน้อย ช็อปปิ้งหัตถกรรมกระจูด สินค้าพื้นบ้านระดับประเทศ

หลังกินมื้อเที่ยง ตกบ่ายเดินทางต่อไปยัง โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ชมพระตำหนักปากพนัง และพิพิธภัณฑ์โครงการลุ่มน้ำปากพนัง มาดูที่นี่จะได้ความกระจ่างว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา และทรงมีพระอัจฉริยภาพในการจัดการน้ำเพียงใด ที่สำคัญนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมปลูกต้นไม้ถวายพระองค์ท่าน โดยมีชื่อคนปลูกจารึกไว้ด้วย

ตกค่ำห้ามพลาดโปรแกรม “นั่งรถชมเมือง เล่าเรื่องลิกอร์” ฟังประวัติศาสตร์ของเมืองที่มีมายาวนานนับพันปี หลายคนสงสัยไฉนจึงเรียกเมืองนี้ว่า “ลิกอร์”  ก็ไปสอบถามกันเองจะได้หายฉงน รับรองสนุกไม่น่าเบื่อ แถมจะได้รู้ประวัติความเป็นมาขององค์จตุคามรามเทพที่กำลังฟีเวอร์กันขณะนี้อีกด้วย

รุ่งเช้า ล้อหมุนสู่ท่าเรือปากเมง จ.ตรัง เพื่อท่องทะเลอันดามัน และดำน้ำดูปะการัง โปรแกรมที่ทุกคนใฝ่ฝัน ท้องทะเลตรังวันนี้สวยใสไร้คลื่นลมรุนแรง นั่งเรือทัวร์ลำโตโต้คลื่นน้อยๆไม่กี่อึดใจก็ถึงจุดหมายแรก เกาะมุก ที่นี่มี ถ้ำมรกต ถ้ำน้ำที่มีความยาวราว 80 เมตร เป็นนางเอก เห็นแล้วอดปลื้มใจไม่ได้ นักท่องเที่ยวไทย-เทศ ต่างแห่มาเข้าแถวต่อคิวลอยคอตามน้ำเรียงกันเข้าถ้ำอย่างเป็นระเบียบ

พอโผล่พ้นปากถ้ำอีกฝั่ง ภาพแรกที่เห็นทำให้หลายคนตกตะลึงจนเผลออุทาน โอ้โห!  ธรรมชาติช่างมหัศจรรย์เสียนี่กระไร หาดทรายขาวละเอียด ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดขุนเขาที่มีแมกไม้เขียวขจีขึ้นปกคลุม ช่วงสายแสงอาทิตย์จะลอดผ่านช่องเขาเป็นลำยาว สาดส่องลงมากระทบผืนน้ำสีเขียวมรกตส่งประกายระยิบระยับ ขอเตือนอย่าไปแอบมองคนที่เขามากันเป็นคู่ เดี๋ยวตาจะร้อนผ่าว แหมก็บรรยากาศมันช่างโรแมนติกเหลือเกิน

ใครชอบดำน้ำดูปะการัง มาทะเลตรังรับรองไม่ผิดหวัง ที่มีมีจุดดูปะการังน้ำตื้นหลายแห่ง ทั้งที่เกาะม้า เกาะกระดาน และเกาะเชือก ใครดำน้ำไม่เป็นไม่ต้องกังวล เพราะผู้ประกอบการเรือทัวร์ทุกราย จะเตรียมเสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ดำน้ำตื้น อาทิ หน้ากากและท่อหายใจไว้บริการ มีทีมงานมืออาชีพคอยดูแลให้คำแนะนำ เพียงเดี๋ยวเดียวหลายคนก็ว่ายน้ำปร๋อไปไล่จับฝูงปลาสารพัดสีกันอย่างสนุกสนาน หรือถ้าใครไม่ไหวจริงๆ จะอาศัยเกาะเชือก (ผูกเรือ) เพื่อดำดูปะการังก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการพาลุย ถ้ำเลเขากอบ ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำน้ำจืด สายน้ำจะไหลลอดใต้ภูเขาไปตามหลืบถ้ำคดเคี้ยวที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ดังนั้น จึงต้องนั่งเรือพายที่ทางชุมชนท้องถิ่นจัดไว้บริการ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยงดงามมาก

แต่ไฮไลต์สำคัญอยู่บริเวณโพรงแคบๆ ก่อนถึงทางออกปากถ้ำอีกฝั่ง ตรงจุดนี้ระดับน้ำจะสูงเกือบถึงเพดานถ้ำระยะทางเกือบ 200 เมตร นักท่องเที่ยวจึงต้องนอนราบไปกับเรือเพื่อไม่ให้หัวชนหิน ใครผ่านได้ถือเป็นศิริมงคล เพราะเหมือนได้ลอดใต้ท้องมังกร เป็นการผจญภัยเล็กๆที่สนุกสนานตื่นเต้นไม่น้อย

อยากรู้ว่าโปรแกรมนี้จะสนุกสนานคุ้มค่าเพียงใด ไถ่ถามกันได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาคใต้ เขต 2 โทร. 0-7534-6515-6 จะได้ข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น

 

RELATED ARTICLES