“ผู้หญิงไม่ได้สวยแค่หน้าตา แต่ต้องมีความคิด กล้าแสดงออก”

 

าวสวยยิ้มเก่ง นัยน์ตาคม “อาย”มณฑกานต์ แป้นปลื้ม ผู้รักในงานบริการ เธอเกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ แต่เชื้อสายคือ คนปักษ์ใต้ขนานแท้ พ่อและแม่เป็นคนใต้ทั้งคู่ เธอใฝ่ฝันและตั้งใจว่า จะทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เป็นไกด์นำเที่ยวที่พูดได้หลายภาษา หรือไม่ก็งานเกี่ยวกับการโรงแรม เพราะเธอจะมีความสุขเมื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุข และความฝันในหน้าที่การงานของเธอคงไม่ไกลเกินเอื้อม

ปัจจุบัน อาย กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี การจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จังหวัดชลบุรี ถือเป็นบันไดอีกหนึ่งขั้นของความสำเร็จที่ก้าวไปสู่การเป็นไกด์นำเที่ยวอย่างที่ฝันเอาไว้ การเข้าเรียนสาขาที่ตรงกับงานที่ตั้งเป้าไว้ ก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย อายจบระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว และด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเรียนทำให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาที่เลือกแบบผ่านฉลุยในคราวเดียว

“ที่เลือกเรียนและอยากทำงานเป็นไกด์ หรือการจัดการโรงแรม เพราะว่า พื้นฐานเป็นคนชอบบริการ ทำให้กับคนหมู่มากมีความสุข พึงพอใจกับสิ่งที่เรามอบให้ ประกอบกับได้รับแบบอย่างการดำเนินชีวิตทำงานบริการผู้อื่นจากคุณพ่อกับคุณแม่ เพราะมีคุณพ่อเป็นตำรวจ มีคุณแม่เป็นพยาบาล ส่วนตัวอายมองว่าการทำงานไกด์เป็นอะไรที่ท้าทาย ได้ใช้ความรู้ความสามารถ ไหวพริบปฏิภาณ รู้จักผู้คนมากมาย และได้ใช้ภาษาหลายภาษา แค่นึกภาพการทำงานก็สนุกและมีความสุขแล้ว” มณฑกานต์ พูดด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใส

ทุกคนย่อมมีปัญหาอุปสรรคน้อยใหญ่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน แน่นอนว่า สาวสวยผู้รักและฝันจะเป็นไกด์ผู้นี้ก็มีเหมือนกัน แต่เธอจะมองปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น และผ่านมันไปโดยที่มีเคล็ดไม่ลับว่า จะมองอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาเป็นบันไดให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ให้คิดว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ลองหรือลงมือทำ เมื่อเกิดปัญหาก็จะตั้งสติ ไม่คิดหมกมุ่นอยู่กับปัญหา เพราะหากจมปลักอยู่กับปัญหา ไม่ปล่อยวาง ก็จะเกิดความเครียด และอาจมีความคิดฟุ้งซ่าน ให้นึกถึงคนที่เรารัก และรักเรา สำหรับตัวเองแล้วจะนึกถึงพ่อกับแม่เป็นอันดับแรก อุปสรรคที่เราเจอคงไม่เท่าท่านที่ผ่านและฝ่าฟันมาได้ หากหาทางออกด้วยตัวเองไม่เจอก็จะปรึกษาพ่อกับแม่ แล้วท่านก็จะเติมกำลังใจ เมื่อกำลังใจดี สติก็มา และได้รับคำปรึกษาที่ดี เอาง่ายๆคือ ถ้ามีปัญหาอย่าเก็บไว้คนเดียว คนในครอบครัวพร้อมจะแชร์และให้คำแนะนำทางออกได้เสมอ

มณฑกานต์ บอกว่า สำหรับเธอแล้วตั้งเป้าความสำเร็จไว้เป็นขั้นบันได ไปทีละสเต็ปอย่างมีสติ เช่นเรื่องเรียนต้องไม่สอบตก สอบผ่าน และเกรดต้องดีด้วย เป้าหมายที่ตั้งไว้สร้างให้เราเป็นคนที่มีความเพียรพยายาม ขยันอดทน เมื่อถึงเป้าที่ตั้งไว้ก็จะมีความสุขใจ และพร้อมจะก้าวไปสู่ก้าวต่อไป ตอนนี้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จในชีวิตที่ก้าวจากความเป็นเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ พร้อมสำหรับการดูแลตัวเองแสดงความกตัญญูต่อครอบครัวในอนาคต

“อายจะไม่มองว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น เกรดเฉลี่ย ไม่ใช่การกดดันตัวเอง และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้กดดัน อายตั้งของอายเอง แต่อายจะมองว่า ตั้งเอาไว้เพื่อให้ตัวเองขยัน อดทน และพยายามไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ อายมีพ่อแม่เป็นไอดอลในการดำเนินชีวิต ต้องขยันและอดทน พร้อมกับเข้าใจผู้อื่น พยายามมองโลกในแง่ดีเสมอ พ่อกับแม่คือแบบอย่างของผู้เสียสละ พ่อเป็นตำรวจ คือ การบริการประชาชน แม้คนจะเหมารวมด่าตำรวจอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พ่ออาย คือ ตำรวจที่ดีของอาย คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ แต่ก็บริหารเวลาให้ครอบครัวด้วย และแม่ที่เป็นพยาบาลก็เช่นกัน ทั้งคู่จึงคงเป็นแบบอย่างของการอดทนอย่างดี” มณฑกานต์ กล่าวย้ำ

แน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่จะชอบแต่ของสวยๆงามๆ แต่ความสวยของผู้หญิงในมุมมองของว่าที่ไกด์สาวยิ้มเก่ง เธอบอกว่า ผู้หญิงที่สวยไม่ใช่สวยแค่หน้าตา แต่ต้องมีความคิด การกระทำที่เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีความฉลาด กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน หรือที่เรียกว่าสวยจากภายในสู่ภายนอก ออกมาจากความจริงใจ หากผู้หญิงมีสิ่งเหล่านี้ก็จะมีความสวยโดยธรรมชาติ รูปร่างหน้าตาอาจทำศัลยกรรมให้สวยดูดีได้ แต่กริยามารยาทศัลกรรมไม่ได้ ต้องปฏิบัติเองจากความจริงใจ สำหรับผู้หญิงเก่งส่วนตัวมองว่า ต้องเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน เอาตัวเองรอด ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทำงานสุจริตมีรายได้ที่เลี้ยงดูตัวเองและจุนเจือครอบครัวได้

เธอให้ความเห็นว่า ผู้หญิงยุคปัจจุบันกับสมัยโบราณ มีความแตกต่างทางด้านความคิด ทัศนคติ โดยเฉพาะเมื่อมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาก็ยิ่งแตกต่าง ติดโซเชียลมีเดีย ให้ความสำคัญกับคนในโทรศัพท์มือถือมากกว่าคนที่อยู่ตรงหน้า ที่สำคัญผู้หญิงยุคนี้เป็นคนกล้าคิดกล้าแสดงออก เป็นผู้นำครอบครัวได้ ความสามารถการงานแทบทุกอย่างทำได้ดีเทียบเท่าผู้ชาย มีความทัดเทียมกัน ไม่ต้องพึ่งผู้ชายหาเลี้ยงเหมือนยุคก่อน แต่สิ่งที่เหมือน คือ การเป็นแม่ศรีเรือน แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ตามขนบธรรมเนียมแนวปฏิบัติของไทยที่สืบทอดมา อาจจะพลิกแพลงความเป็นแม่ศรีเรือนให้มีความสมัยใหม่ในยุคโลกาภิวัฒน์ ที่สำคัญผู้หญิงยุคนี้ต้องดูแลตัวเอง เข้มแข็งอดทนอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ และต้องใช้โซเชียลมีเดียให้มีประโยชน์ อย่าทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อตนเองและครอบครัว ก่อนจะทำอะไรต้องมีสติ คิดวิเคราะห์ถึงผลที่จะตามมาให้ดี เพราะหากเกิดเรื่องไปแล้วเราไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้

 

RELATED ARTICLES