“ถ้าจะเป็นผู้บัญชาการทั้งทีต้องทำให้เต็มที่”

 

นายพลมากความสามารถหลากหลายดีกรี มีคอนเนคชั่นกับหลายประเทศ มีส่วนทำให้ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับความไว้วางใจให้คุมทัพหน้าด่านรอยตะเข็บประเทศชนิดเข้มข้น ภายใต้วิสัยทัศน์ “บริการด้วยมาตรฐานสากล ดูแลความมั่นคงด้วยใจ เพื่อให้ไทยเป็นมาตุภูมิที่มั่นคงปลอดภัย”โจรผู้ร้ายข้ามชาติและเหล่าอาชญากรหลบหนีคดีมากบดานในผืนแผ่นดินไทยส่วนใหญ่จึงมักจนมุมด้วยฝีมือนักบริหารองค์กรอย่างเขาตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีบนเก้าอี้ผู้นำหน่วย

อีกทั้งกำจัดความห่วยในเรื่องการบริการตามหน้าด่านที่โดนร้องเรียนอยู่เสมอให้เป็นมาตรฐานสากล ลดปัญหาทุจริตรีดส่วยของผู้ใต้บังคับบัญชา

เพื่อสร้างภาพพจน์ให้สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

 

ทิ้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สวมบทบาทนักเรียนนายร้อยตำรวจ

เส้นทางชีวิตของ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร หรือเดิมชื่อ “สุนทร” เกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทราในครอบครัวพ่อแม่ค้าขาย หลังเรียนมัธยมปลายโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ ไปสอบติดคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ควบคู่กับสมัครสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระหว่างรับน้องมหาวิทยาลัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจประกาศผลสอบพอดี

สลัดเครื่องแบบนักศึกษาลูกแม่โดมมาสวมเครื่องแบบสีกากีเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเอง สอบทำคะแนนดีเลือกลงเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ไม่นานบินไปศึกษาต่อปริญญาโทคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนกลับมาศึกษาปริญญาโทอักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (ล่ามแปลอังกฤษ-ไทย) และคณะวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (คอมพิวเตอร์) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังจบ ปริญญาเอกรัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตจากสถาบันเดียวกัน พ่วงด้วยปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

“ไม่เคยบอกใคร เพราะว่า ที่เรียนไว้เพื่อใช้ประจำตัวเฉยๆ และก็ใช้ในแล้วแต่ช่วงเวลา อย่างช่วงตอนที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็ไปเรียนคอมพิวเตอร์ เป็นองค์ความรู้ติดตัว” พล.ต.ท.ณัฐธรลำดับเรื่องราวบนเส้นทางตำราสารพัดวิชา

ฝึกอบรมหลักสูตรมากมาย ขึ้นเป็นใหญ่ในตรวจคนเข้าเมือง

เขาขยับลงเป็นรองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลบางรัก ก่อนขึ้นสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เป็นรองผู้กำกับการสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานต์ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจาก “สุนทร” เป็น “ณัฐธร” เพราะมีคนบอกว่า เกิดวันจันทร์ไม่ควรมีสระ

เสริมดวงให้ขึ้นผู้กำกับการ 4 ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ สำนักงานนโยบายและแผน จากนั้นเป็นรองผู้บังคับกำรกองตรวจราชการ 5 สำนักงานจเรตำรวจ ใช้เวลา 4 ปี ขึ้นผู้บังคับการสถาบันระหว่างประเทศ (ILEA)  แล้วลงเป็นผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ท่าอากาศยานนานาชาติ) ขึ้นรองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

เจ้าตัวยังมีดีกรีเข้ารับการฝึกอบรมอีกไม่น้อย ตั้งแต่ หนลักสูตร FBI ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรPolice Management Development Program ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตร สถาบันวิทยาการตลาดทุน สถาบันวิทยาการตลาดทุน หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 21 วิทยาลัยการยุติธรรม

สร้างคอนเนคชั่นประเทศอื่น วางจุดยืนพัฒนางานในหน่วยที่ทำอยู่

เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำหน่วย พล.ต.ท.ณัฐธรบอกว่า พยายามแก้ไขปัญหาที่ค้างคามานาน จริง ๆ แล้วการเป็นผู้บัญชาการไม่ใช่เรื่องยาก จะให้นั่งอยู่แบบเนียน ๆ โดยให้กลไกเดินของมันเองก็ได้ เพราะมันทำงานของมันอยู่แล้ว มีผู้บังคับการดี ผู้กำกับการดี ทุกอย่างก็ทำงานไป ถ้าจะให้อยู่อย่างสงบสุขอย่างนั้นก็ได้ “แต่ในใจผมคิดว่า ถ้าจะเป็นบัญชาการทั้งทีต้องทำให้เต็มที่ เพราะชีวิตนี้ที่มุ่งหวังที่สุด คือ ผู้บัญชาการ ถือว่า เป็นตามที่ตั้งใจหวังไว้แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว การจะไปให้ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมันเป็นเรื่องที่ยาก เป็นความทุกข์ด้วย เพราะขึ้นไปก็เหมือนกับการนับถอยหลังแล้ว”

“ แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการจะมีบทบาทที่สุด ได้ทำอย่างที่คิดที่หวัง คิดอะไรแล้วก็ทำเลย ไม่ต้องกลัวอะไร ก็เดินหน้า ผมไม่กลัวความคิดเห็นแย้ง ผมคิดยังไงก็ทำอย่างนั้นเลย แล้วที่พยายามทำ คือ สร้างคอนเนคชั่นไปสู่ต่างประเทศ เพราะเราต้องทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ แล้วทุกประเทศก็มีงานตรวจคนเข้าเมืองเหมือนกันหมดตามแบบสากล ผมก็จะไม่ก้มหน้าก้มตาทำงานของเราอย่างเดียว เพราะทำไปแล้วมันอาจจะไปคนละทิศคนละทาง หรือพัฒนางานของเราแล้ว ประเทศอื่นเขาไม่เหมือนกับเรา ก็ต้องดูของที่อื่นเขาบ้างว่า เขาไปถึงไหน ยังไงบ้าง แล้วก็เอามาพัฒนางานของเรา นั่นเป็นสิ่งที่พยายามจะทำอยู่ แล้วก็เปิดช่องทางของการรับรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ทำงานให้ได้มาก” พล.ต.ท.ณัฐธรอธิบายการทำงาน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีพันธกิจในการตรวจบุคคล และพาหนะที่เดินทางเข้ามาในและออกไปนอกราชอาณาจักร เปรียบเสมือนประตูของประเทศ รวมทั้งให้บริการคนต่างด้าว ขณะพำนักอยู่และเป็นแนวหน้าในการรักษาความมั่นคงของประเทศ มีหน่วยงานตั้งอยู่ใน 45 จังหวัด มีช่องทางอนุญาตทั้งทางบก ทางน้ำา และทางอากาศ บุคคลใช้สัญจรข้ามแดน 118 ช่องทางอนุญาต มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 5,243 นาย

 

สกัดกั้นบุคคลต้องห้าม ป้องกันภัยคุกคามความมั่นคงชาติ

นายพลผู้นำหน่วยประตูหน้าด่านประเทศระบุว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญยิ่งทั้งงานการให้บริการอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามแดน และการรักษาความมั่นคงของประเทศในการดูแลสกัดกั้นบุคคลต้องห้าม หรือไม่พึงประสงค์มิให้เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรได้ รวมทั้ง ป้องกันภัยคุกคามต่อความมั่นคงในรูปแบบต่าง ๆ

พล.ต.ท.ณัฐธรย้ำหลักการทำงาน คือ โปร่งใสตรวจสอบได้  ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กับงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้สามารถควบคุมและตรวจสอบได้จากส่วนกลาง ช่วยลดภาระงาน ลดการใช้ดุลยพินิจ และตัดโอกาสในการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลทางชีวภาพ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ โครงหน้า หรือ ม่านตา เพื่อให้การตรวจสอบบุคคลมีความเที่ยงตรง ช่วยให้ ระบบตรวจคนเข้าเมืองของไทยมีประสิทธิภาพสูง

เขาพัฒนาขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตลอดจนเสนอแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับงานตรวจคนเข้าเมืองให้มีความศักดิ์สิทธิ์ บังคับได้จริง ให้มีความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยประเทศ เป็นต้นแบบประเทศอื่นในภมูภิาค พัฒนาองค์กรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานที่รับผิดชอบอย่างแท้จริง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมืออาชีพ

ปฏิญาณทำงานด้วยความโปร่งใส ทำแผ่นดินไทยเป็นมาตุภูมิที่ปลอดภัย

ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังเน้นให้ความสำคัญกับงานความมั่นคง ดูแลช่องทางเข้า-ออกของประเทศทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศด้วยความรอบคอบ แสวงหาความร่วมมือกับนานาชาติในการป้องกัน ปราบปรามภัยคุกคามต่อประเทศทั้งในเรื่องการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่าง ๆ แต่ก็ไม่ละเลยงานบริการ และอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เช่น นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักศึกษา เจ้าหน้าที่การทูต เป็นต้น

“พวกเราจะให้คำมั่นว่า ในฐานะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะคงไว้ซึ่งความโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นสากล และยึดหลักดุลยภาพ จะให้บริการงานตรวจคนเข้าเมืองด้วยประสิทธิภาพสูงสุดอย่างมืออาชีพ ปฏิญาณที่จะเป็นแนวหน้าของการรักษาความมั่นคง ของประเทศ เพื่อให้ไทยเราเป็นมาตุภูมิที่มั่นคงและปลอดภัย” พล.ต.ท.ณัฐธรวางนโยบายไว้

“ผมสัมผัสได้ถึงความพยายามและความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกคน และเชื่อมั่นว่า เราจะเดินต่อไปด้วยกันเพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นมาตุภูมิที่มั่นคงและปลอดภัย”

รับรางวัลต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ประกาศ “คนดีอยู่ง่าย คนร้ายอยู่ยาก”

การได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองถือได้ว่า เป็นลูกหม้อหน่วยขนานแท้ เขียนตำรา และคู่มือการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รู้งานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเป็นอย่างดี ทำป็นอย่าำรวจตรวจคนเข้าเมืองชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ับการดี ผู้กำกับการดี ทุกอย่างก็ทำงานไป ถ้าจะให้อยู่อย่างสงบสุขอย่างนั้นผลงานเข้าตาสื่อมวลชนทุกสำนักกระทั่งลงความเห็นตรงกัน มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ สาขา ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติรำษฎร์ ที่มีนโยบายเดินหน้าป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ เพื่อความมั่นคงของประเทศ

“ผมตั้งเป้าไว้ว่า Good guys in, Bad guys out คือ คนดีอยู่ง่าย คนร้ายอยู่ยาก จะเห็นว่า ที่ผมอยู่มา 2 ปี จับอาชญากรข้ามชาติได้เยอะมากเป็นประวัติการณ์ พวกเหล่านี้เข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทย ได้รับการประสานข้อมูลจากตำรวจต่างประเทศ ผมก็จะมีการจับทุกเดือน และมีการพูดคุยกันระหว่างตำรวจสากลทุกวันที่ 5 ของเดือน เชิญตำรวจต่างประเทศ 50-60 คน ที่ประจำอยู่ในประเทศไทยมาคุยกัน”

ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขยายความว่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ประเด็นสำคัญ เราต้องเคลียร์คนไม่ดีออกนอกสังคมเราให้ได้มากที่สุด บางคนอาจจะแย้งว่า ทำไมไม่ดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทำไมไม่เก็บไว้ก่อน ให้มีการต่อรอง ข้อเท็จจริงแล้วต่อรองไม่ได้ อย่างเช่น รัสเซีย โจรเข้ามาเต็มบ้านเราถ้าหลบหนีไปรัสเซีย ต่อรองไม่มีประโยชน์อะไร เราต้องบังคับใช้กฎหมายตรงนี้ไป ถ้าเราส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีขั้นตอนนานมาก ไม่มีประโยชน์ ถ้าดำเนินคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนทั้งหมดจะเกิดปัญหาตามมา เป้าหมายสำคัญ เราอยากเคลียร์พวกเหล่านี้ออกจากสังคมไทยให้เร็วที่สุดดีกว่า

แก้ปัญหาทุจริตในองค์กร ตัดขั้นตอนการเรียกรับผลประโยชน์

ถึงกระนั้น พล.ต.ท.ณัฐธรยอมรับว่า เหตุที่ต้องนำเทคโนโลยีมาใช้บางส่วนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น เหมือนหลายประเทศที่ประสบมา ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มีหมด แต่หลายประเทศแก้ปัญหา ด้วยวิธีตัดโอกาส หากถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่เผชิญหน้ากันก็จะมีโอกาสเรียกรับผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นก็จะไม่ต้องเป็นการใช้ดุลยพินิจ ลดตรงนี้ลงไป ไม่ต้องเจอตัวเจ้าหน้าที่ แต่หากจะทำระยะยาวก็ต้องขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ แล้วกฎเกณฑ์อะไรต่างๆ ต้องคอยปรับกันไป เพราะกฎหมายเราอ่อนแอ

“มันเป็นปัญหาภายในองค์กรที่ต้องพยายามแก้กันไป แต่จริงๆ ในส่วนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต้องเป็นเกรดเอนะ ผมพูดได้เลยว่า ตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยากจะมาอยู่ตรวจคนเข้าเมือง เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างที่มันน่าอยู่มากกว่า มีโอที เบี้ยเลี้ยงอะไรที่มันถูกต้องตามกฎหมาย งานก็เป็นงานที่หน้าเดียว แค่ต้องมาศึกษาหน่อย และทำงานประชาสัมพันธ์เป็นหลัก แต่กฎเกณฑ์ กติกา เราก็มี ถ้ากระทำผิดเราก็มีมาตรการลงโทษชัดเจน”

เจ้าตัวยกตัวอย่างว่า ใครตรวจวีซ่าปลอม พาสปอร์ตปลอมผ่านเข้ามาได้ จะอ้างว่าไม่รู้ ดูไม่ออกไม่ได้ เพราะเราตั้งมาตรฐานไว้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พวกนอกลู่นอกทาง เราก็ว่ากันไปตามกฎกติกา ถ้าใครที่ทำผิดซ้ำซากโดยกมลสันดาน ทำผิดโดยจงใจ ชัดแจ้ง ก็ว่ากันไปเลย อันไหนทำผิดกฎระเบียบโดยไม่ได้ตั้งใจ พลั้งเผลอ เราจะดูเป็นกรณีไป คือ งานตรวจคนเข้าเมืองจะหนักกว่าเพื่อน เพราะระบบการคัดกรองของเรา

 

สแกนลายนิ้วมือ-โครงหน้า หวังสังคายนาแก๊งปลอมพาสปอร์ต

ปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองที่เกิดขึ้น ปัจจัยส่วนหนึ่ง พล.ต.ท.ณัฐธรมองว่า ประเทศไทยไทยเน้นการท่องเที่ยว บางประเทศเข้ามาไม่ต้องขอวีซ่า งานก็จะมาหนักที่ตรวจคนเข้าเมือง มีหลายๆ อย่างที่เราต้องดู  บางคนจากบางประเทศต้องการเข้ามาอยู่ระยะยาว มาทำงาน อย่างคนจากประเทศเพื่อนบ้านเรา พม่า ลาว เขมรมาทำงาน เพราะรายได้อย่างน้อยสูงกว่าประเทศเขาสองเท่า หรืออย่างเอเชียใต้ที่มีประชากรเยอะ แล้วประชากรยากจนอย่าง อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศก็ต้องการมาทำงานที่นี่ ส่วนอัฟริกา หรือตะวันออกกลาง ก็จะมีหนีภัยสงครามมา อาจอยู่สักระยะแล้วหาช่องทางไปยุโรป

“อย่างตะวันออกกลาง ถามว่า มายังไง ก็มาหาพาสปอร์ตปลอม มาหาคนช่วยเหลือ พาสปลอมที่เราจับได้ 6-7 ครั้ง ไม่ใช่คนไทยทำ แต่เป็นต่างชาติปลอมทำกันเป็นขบวนการ มาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งในการปลอม เพื่อใช้ในการเดินทางต่อ ไปไหนมันก็จะสะดวก กลายเป็นปลายทาง หรือเพื่อเดินทางต่อไปประเทศที่สาม มีทั้งคนดี คนไม่ดี เราก็พยายามสกัด คนไม่ดีออกไป”

“หัวใจสำคัญ คือ เอกสารพาสปอร์ตปลอม หรือตัวปลอม เป็นปัญหาทุกประเทศ เรากำลังจะแก้ให้หมดไปภายในปีสองปีนี้ นำข้อมูลทางชีวภาพมาใช้ ซึ่งประเทศในอาเซียนยังไม่มี ทั้งสแกนลายพิมพ์นิ้วมือ และโครงหน้า เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าประเทศมา เราจะสแกนเลยทุกคน พอออกปุ๊บก็ต้องใช้พาสปอร์ตเดิมในการออก เพราะลายมือมันจะยืนยันตัวบุคคล ปลอมไม่ได้”

ประสานหน่วยอินเตอร์โพล์ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยคัดกรอง

แต่ขบวนการปลอมหนังสือเดินทางยังเปลี่ยนวิธีการแจ้งหายเพื่อเดินทางต่อไปประเทศที่สามอยู่ดี ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า อย่างกรณีสายการบิน เอ็มเอช 370 ของมาเลเซียที่หายไป มีคนอิหร่าน 2 คนเอาพาสปอร์ตที่แจ้งหายไว้ 2 คนของชาวออสเตรียกับชาวอิตาลีไปซื้อตั๋วเครื่องบินที่กัวลาลัมเปอร์ ทำให้เห็นว่า มีการลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนโดยใช้เอกสารปลอมได้ เรารู้ว่ามีการปลอม เพราะรายชื่อที่อยู่บนเครื่องนั้นมีการแจ้งไว้ และเจ้าตัวก็ยืนยันว่าได้แจ้งหายไว้

พล.ต.ท.ณัฐธรพยายามแก้ปัญหาด้วยการเชื่อมข้อมูลกับอินเตอร์โพลขึ้นบัญชีดำที่ฐานข้อมูลของตำรวจสากล ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบผู้โดยสารล่วงหน้าว่า มีการแจ้งหนังสือเดินทางหายหรือไม่ และพอเครื่องจากต้นทางมุ่งหน้ามาประเทศไทยยกตัวขึ้นจะรู้ทันทีว่า มีผู้โดยสารในเครื่องใครบ้าง กี่คน ลูกเรือกี่คน ผู้โดยสารกี่คน ใครบ้างที่มุ่งหน้ามาสู่ประเทศไทย ระบบนี้ประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนยังไม่มีด้วยซ้ำ

“เรามีครบแล้ว เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญ กฎระเบียบต่างๆ เราต้องเสนอขึ้นไปจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะคนอื่นมองภาพไม่ออกจะเสนอแทนหน่วยเราไม่ได้ เนื่องจากจะไม่รู้เกี่ยวกับกลไกต่างๆ ของตรวจคนเข้าเมือง อย่างที่ผมบอก มาเป็นผู้บัญชาการถ้าทำแล้วนิ่งเฉย ไม่นำเสนอก็ได้ แต่เรามองเป็นปัญหา เราจะต้องทำ”

 

อยากชี้แจงทำความเข้าใจ เหตุใดคนร้ายหนีออกนอกประเทศ

ส่วนบางคดีที่ผู้ต้องหาหนีไปอยู่ต่างแดน นายพลลูกหม้อตรวจคนเข้าเมืองเล่าว่า ทำไมถึงหนีไปได้ มีคนถามเยอะมาก เราชี้แจงมาหลายครั้งว่า เกือบร้อยทั้งร้อยออกไปก่อนจะมีหมายจับ ถ้าหมายจับออกแล้วหนีไม่ได้แน่นอน อย่างลูกชายเจ้าของกระทิงแดง หรือสาวเปรี้ยว คดีฆ่าหั่นศพหลบออกไปก่อนหมายจับจะออก ด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่มีทางสกัดได้ เพราะเป็นเสรีภาพการเดินทางของคนไทยที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าเราไปยับยั้งโดยไม่มีคำสั่งศาล หรือจะไปจับ คนติดคุกคือเรา ไม่ใช่เขา ต้องมีคำสั่งศาลให้ยับยั้งการเดินทาง ห้ามการเดินทาง หรือจะจับก็ต้องมีหมายจับเท่านั้น

“ อันนี้เป็นสิ่งที่พวกผมอยากชี้แจง แต่คนทั่วไปจะไม่เข้าใจ มักตำหนิตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม หลายคดีผมจะพยายามประสานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำตัวกลับมา เช่นคดีเปรี้ยวกับพวก ผมประสานไปตลอด  โทรทุกวันเลย ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไปดู วิ่งเข้าวิ่งออกตลอดเวลาจนจับได้ สิ่งที่เขามอบตัว ไม่ใช่มอบตัวเพราะสมัครใจ แต่เพราะเราคุยกันตลอดกับพม่า ต้องเรียกเจ้าของ ผู้จัดการโรงแรมที่พักไปกำชับห้ามให้ทำงาน สุดท้ายก็ต้องยอมมอบตัวดีกว่าใช้ชีวิตต่างแดนที่ความเป็นอยู่ลำบาก”

พล.ต.ท.ณัฐธรว่า เราไม่ได้ไปจับฝั่งเขา ไม่ได้ละเมิดอธิปไตย และไม่ได้ใช้กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะใช้วิธีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคุยกัน อาศัยคอนเนคชั่น พวกที่เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนานๆ จะสนิทกัน เช่นเดียวกับ คดีฆ่าหั่นศพชาวสเปนโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา  เราก็เป็นคนประสานยกหูถึงตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชาก่อนนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัวที่ตราด ต้องใช้คอนเนคชั่นล้วนๆ ถ้าทำแบบถูกต้องตามขั้นตอนคงทำไม่ได้

ชูด่านหนองคายเป็นตัวอย่าง  ตามร่างโมเดลแดนลอดช่อง

ทิ้งท้าย พล.ต.ท.ณัฐธรสารภาพว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี ในการดำรงตำแหน่ง มีอีกหลายงานที่ยังทำไม่เสร็จ ถ้าผู้บังคับบัญชาให้โอกาสอยู่ต่อก็ทำไป ความจริงต้องไปอีกไกลพอสมควรเรื่องงานตรวจคนเข้าเมือง  ตอนนี้มีโครงการจะเอาหัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ไปดูงานที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคายที่จะทำให้เป็นด่านตัวอย่างเป็นมาตรฐานสากล ต่อยอดให้เหมือนกันทั่วประเทศ

“ยอมรับว่า 20 ด่านตรวจคนเข้าเมือง มีความแตกต่างกันในแนวทางปฏิบัติ จึงพยายามจะทำให้ด่านทุกด่านเป็นมาตรฐาน แนวทางการปฏิบัติเดียวกัน อุปกรณ์เทียบเท่าสากล ผมจะเอาด่านหนองคายเป็นตัวอย่าง ผมเชิญรองอธิบดีตำรวจจากสิงคโปร์มาเป็นที่ปรึกษา ที่ใช้โมเดลของสิงคโปร์ เพราะว่า ด่านเขามีคนเกือบ 4 แสนคนต่อวัน แต่สิงคโปร์ค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบ ทั้งเรื่องของกายภาพ อุปกรณ์ เทคโนโลยี”

ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองว่า ต้องทำอะไรให้เป็นแบบบูรณาการ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ มันจะเสียเวลามาก แต่ละด่านจะมีทั้งตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร หน่วยตรวจพืชและสัตว์อะไรอย่างนี้ กรมการขนส่งอีก หลายหน่วยงานทำงานอยู่ที่เดียวกัน ทุกหน่วยตรวจหมดทำให้เสียเวลามาก ตำรวจตรวจคน ศุลกากรตรวจของ เราก็พยายามจะบูรณาการร่วมกัน ทำงานพร้อมกันเพื่อประหยัดเวลาเน้นการบริการให้ดีขึ้นด้วย

 

RELATED ARTICLES