“ถ้าพูดหนักแผ่นดิน เป็นอันรู้กัน ผมไม่เคยทำคนดี มีแต่สุด ๆ ทั้งนั้น”

 

ว้างขวางจนเป็นตำนานมือปราบภาคตะวันออกรอยตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

...พายัพ ทองชื่น อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สายเลือดตำรวจแท้มาจากพ่อที่เป็นตำรวจฝ่ายปราบปรามของโรงพักวัฒนานคร เติบโตคลุกคลีอยู่ที่บ้านพักตำรวจ ทว่าไม่ได้อยากเป็นตำรวจ พอเรียนจบอาชีวะปราจีนบุรี หันเหไปเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หมายมั่นจะไปสอบเป็นอัยการ ผู้พิพากษา

ระหว่างรอสอบเนติบัณฑิตยสภา ตำรวจเปิดรับสมัครไปลองสอบดู ติดเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นพิเศษรุ่น 9 เรียนพร้อมนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 จบมาลงอยู่โรงพักกิ่งอำเภอนาดี อำเภอสระแก้ว ขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับจังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่สีชมพูที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อยู่เต็มไปหมด ทั้งตำรวจตระเวนชายแดน ทหารโดนดักยิงถล่มเป็นประจำ

อยู่ปีเดียวโยกเป็นผู้บังคับหมวดโรงพักวังน้ำเย็น และขึ้นเป็นสารวัตรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทำงานร่วมกองกำลังบูรพาในสถานการณ์เขมรแตกทัพแถวตาพระยา ก่อนเป็นสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรตำบลระเบาะไผ่ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เริ่มต้นลุยปราบขุนโจรดังในพื้นที่ที่ชอบลักวัว ลักควายชาวบ้าน

ต่อมาย้ายเป็นสารวัตรอยู่วังน้ำเย็น เจ้าตัวรับว่า นโยบายการทำงานตอนนั้น กำลังตำรวจมีน้อย ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน การมีส่วนร่วมของประชาชนมาพัฒนาโรงพัก สร้างสายตรวจมากที่สุด  ริเริ่มทำป้อมตำรวจ วันหนึ่งลูกน้องถูกยิงตาย อีกคนบาดเจ็บ ไม่มีใครอยู่ เพราะกลับกรุงเทพฯกันหมด เหลือแต่เรากับลูกน้องไม่กี่คน รถราก็ไม่มี ตามล่าจับคนร้ายได้เอาตัวมาขังโรงพัก ปรากฏว่า ตกกลางคืนผู้ต้องหาสำนึกผิดผูกคอตาย

พ.ต.อ.พายัพยิ้มติดตลกว่า บางทีเราต้องเด็ดขาด ช่วงนั้นเต็มไปด้วยโจรร้อยพ่อพันแม่ มีปล้นร้านทองกลางวันแสก ๆ เป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ในเขตกบินทร์บุรี เอารถไปเปลี่ยนสีที่พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา พอดีป้ายทะเบียนรถหลุด ความที่เรามีมวลชนช่วยให้ได้เบาะแสการสืบสวนสอบสวนสาวไปถึงตัวผู้ใหญ่บ้าน ตามไปลากคอได้หมดยกแก๊ง

ปี 2535 สูญเสียนายดาบตำรวจลูกน้องมือขวา คนร้ายปาระเบิดใส่ ระหว่างเปิดปฏิบัติการเชิงรุกล่าอดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ผันตัวเป็นโจรปล้นฆ่า พ.ต.อ.พายัพเล่าว่า  คนร้ายหนีไปหลบกบดานอยู่กรุงเทพฯ ประสาน ธัมรงค์ วงศ์แป้น เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นสารวัตรสืบสวนโรงพักลุมพินี ตามจับกุมได้ ก่อนที่คนร้ายจะแย่งปืนที่ระเบาะไผ่ถิ่นเก่าเรา จำเป็นต้องทำวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด

ขึ้นเป็นสารวัตรใหญ่คนแรกของสถานีตำรวจภูธรอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เจ้าตัวสร้างมวลชนไว้เยอะมาก กระทั่งเกิดคดีแก๊งดาวแดงชาวเขมรปล้นแท็กซี่ในกรุงเทพฯ พูดภาษาลาวหลอกเอาโชเฟอร์ไปรัดคอบ้าง ยิงทิ้งข้างทางบ้าง แหกดานหนีมาตอนตีห้า พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมตำรวจขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินมาสั่งการด้วยตัวเอง สุดท้ายไม่พ้นฝีมือสารวัตรใหญ่โรงพักกบินทร์บุรีเปิดฉากจับตายคนร้ายสำเร็จ

ทำงานบู๊ล้างผลาญกำลังสนุกมือ กรมตำรวจเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เขาขึ้นเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระแก้ว เข้าโรงเรียนผู้กำกับ ก่อนเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภออรัญประเทศ ตามลากคอมือปืนหนีไปอยู่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร นานเกือบ 3 เดือนจนเกือบดวลปืนสู้กัน มัดเอากลับมากับลูกน้อง แห่รอบตลาด ชาวบ้านชื่นชมเอาพวงมาลัยมาร้อยเต็มคอนายตำรวจมือปราบคนดังในพื้นที่

ขยับอีกรอบคืนถิ่นเก่าเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกบินทร์บุรี เกิดเหตุการณ์นักโทษเรือนจำแหกห้องขังเรือนจำกบินทร์บุรี แทงผู้บัญชาการเรือนจำตาย พัสดีบาดเจ็บ พล.ต.ท.สมชาย ประภัสภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นั่งเฮลิคอปเตอร์มาร่วมสั่งการ “มึงออกจากโรงพักไปเลยนะ มึงจับไม่ได้ มึงไม่ต้องเข้ามาโรงพัก” พ.ต.อ.พายัพจำคำผู้เป็นนายแม่น ก่อนนำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมได้เกือบหมด

เขาบอกว่า ที่ผ่านมามีคดีเยอะแยะไปหมด แต่กำลังตำรวจมีน้อย ถึงคิดค้นฝึกตำรวจบ้านมาช่วยงานตำรวจ ดังมวลชน ข้าราชการเกษียณอายุเอามาเป็นพวกให้หมดแทบทุกตำบลที่เราไปอยู่ ตั้งแต่อรัญประเทศ กบินทร์บุรี  ทำสถานีตำรวจชุมชน ห้องตำรวจ สร้างสถานีตำรวจประจำชุมชนเพื่อประนอมข้อพิพาท คดีต่าง ๆ ไม่ต้องถึงโรงถึงศาล  เป็นที่มาของคำว่า เราเป็นเจ้าพ่อตำรวจบ้าน พอมีตำรวจบ้านทุกแห่ง ให้ตำรวจอยู่ 2 คน หัวหน้าคนหนึ่ง จ่าคนหนึ่ง นายสิบคนหนึ่ง นอกนั้นมีชาวบ้านมาเป็นอาสาตำรวจ มีน้ำมันให้ ทุกวันนี้ยังเป็นตำนานอยู่เลย

ขณะเดียวกันยังเข้าไปมีส่วนคลี่คลายคดีฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยเป็น “สารวัตรพันศักดิ์ มงคลศิลป์” เพื่อนนักเรียนนายร้อยพิเศษร่วมรุ่น ผู้เป็นนายให้ช่วยสืบสวนข้อเท็จจริงร่วมกับทีมของกองปราบปรามจนได้พยานหลักฐานว่า มีใครเป็นตัวละครบ้าง

“นัดเจอกับพันศักดิ์ถามมันตรง ๆ ว่า มึงทำเขาหรือเปล่า พันศักดิ์ปฏิเสธเสียงแข็งบอกไม่ได้ทำเพื่อน ผมก็แย้งไปว่า ไม่ได้ทำแล้วหนีทำไม ไปมอบตัวสิ เกลี้ยกล่อมจนนัดไปเจอกันลานจอดรถชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ผมไม่ขอจับเพื่อน โทรหาท่านมนัส ครุฑไชยันต์ ตอนนั้นอยู่กับนายกฯชวน หลีกภัย ประสาน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อธิบดีกรมตำรวจ มอบหมายให้ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองอธิบดีกรมตำรวจไปรับตัวพาเข้ากองปราบปราม” เจ้าตัวยอมรับว่า ด้วยความเป็นเพื่อนถึงจะร้ายแค่ไหนก็จับเพื่อนไม่ลง

“ มันเป็นเพื่อนเราจะไปจับมันทำไม ไอ้เพื่อนคนอื่นก็คุยกันเป็นคนจับเอง ทุเรศ ผมบอกกับพันศักดิ์เองเลยว่า มึงไม่ได้ทำ มึงไปมอบตัว ไม่งั้นเดี๋ยวมึงโดนปิดปาก ก่อนเป็นคนประสานรับตัวไปมอบ ทีหลังพันศักดิ์ออกมา ผมก็ดูแลมัน เอาไปฝากนักการเมือง ดันไปล่ออีก ไปอุ้มฆ่าเสี่ยอ้วนอีก ได้ประกันตัวออกมาแล้วยังไม่ก่อคดีอื่นอีก คงต้องปล่อย แล้วแต่กรรมเวรของมัน”  พ.ต.อ.พายัพส่ายหน้า

  พ้นจากกบินทร์บุรีย้ายเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระแก้ว และขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ดูแลพื้นที่รับผิดชอบนาน 4 ปี ไม่ได้ขึ้นผู้บังคับการ กระทั่งลาออกไปลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา “เหตุผลที่มาเล่นการเมือง ไม่ได้นึกยังไงหรอก เพราะว่ามันน้อยอกน้อยใจว่า เราก็ทำอะไรให้กับกรมตำรวจเยอะนะ แค่จะขอเป็นผู้การก่อนเกษียณไม่ให้ แล้วไอ้ห่า ถ้วยรางวัล อะไรต่ออะไรตั้งแต่เป็นตำรวจได้เยอะกว่าคนอื่น เป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น รับเข็มเชิดชูเกียรติ แหนบทองคำจากนายกฯ ชวน หลีกภัย ปราบปรามยาเสพติดดีเด่น ปราบปรามอาชญากรรมดีเด่นจากท่านเขตต์ นิ่มสมบุญ  เป็นข้าราชการตำรวจที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเด่น ท่านพรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ มอบให้ แต่จะขึ้นผู้การ ยังไม่ได้ แล้วจะเอามาทำไม”

เจ้าตัวยังนึกถึงอดีตครั้งหนึ่งเจอนายตำรวจรุ่นน้องถือกระเป๋าให้นายตำรวจใหญ่มากระซิบเห็นว่าพี่น้องกันให้ตีตั๋วเด็ก เล่นเอาตบะแตก “ผมบอกเฮ้ย เราพี่น้องกัน กูต้องเสียเงินด้วยหรือวะ นี่กูพี่มึงนะ ไม่ได้ก็ไม่ได้ พอป๋าเหนาะ หรือเสนาะ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรี ถึงกับชี้หน้าผู้บัญชาการเลยว่า ไอ้ยัพมันลูกหลานอั๊ว เอ็งย้ายมันทำไมนะ”

ทิ้งหัวโขนถอดเครื่องแบบสีกากีโดดลงสนามการเมืองเมื่อปี 2551 พ.ต.อ.พายัพสู้กันกับพล.ท.อิสระ วัชรประทีป อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 1 ผลการเลือกตั้งชนะขาด ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภายาวนานจนหมดวาระเมื่อปี 2557 อยู่ในคณะกรรมาธิการหลายชุด มี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ร่วมอยู่ในกรรมาธิการเดียวกันด้วย

ถามว่า ไม่ลงเล่นการเมืองอีกหรือ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสระแก้วบอกว่า เสนาะ เทียนทองเคยดึงไปช่วยพรรคเพื่อไทย เราก็รับปาก เพราะเหมือนเป็นญาติ เป็นครอบครัวเดียวกันตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นอาสนิทกันมาก่อน แต่มีอีกฝ่ายทาบทามให้ไปช่วยพลังประชารัฐ คนอย่างเรารับปากแล้วไม่มีปฏิเสธ คำพูดเป็นนาย พังเป็นพัง  เราเป็นคนแบบนี้ ถ้าเกิดผิดคำพูด เราไม่เป็นหมาหรือ แต่สุดท้ายลงแข่งก็ไม่ได้

 ปัจจุบัน พ.ต.อ.พายัพได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจให้คุมเป็นหัวหน้าสมาคมตำรวจ สาขาจังหวัดสระแก้ว ขณะเดียวกันยังเป็นประธานมูลนิธิสระแก้วสีเขียว ใครเดือดร้อน เรื่องน้ำเสีย มลภาวะจะคอยเป็นที่ปรึกษา ตลอดจนเรื่องคดีความใครจะติดคุกติดตะรางแวะมาหาปรึกษากฎหมายช่วยแก้ไขได้

ผ่านคุกเฉียดตะรางมาสารพัด ขึ้นศาลเยอะมากที่สุด เจอผู้พิพากษาดีและเข้าใจในสิ่งที่ทำ พ.ต.อ.พายัพว่า ถ้าเราไม่ใช้วิธีการที่เด็ดขาดคงไม่ได้ นโยบายของเรา เรื่องใหญ่ต้องเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กต้องไม่มี อยู่ในพื้นที่ทุกคนรู้จักหมด ถึงกำราบมือปืน นักเลง ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นได้  “มันลิงก์กันหมด ไปไหนมาไหนในเขต ถ้าพูดหนักแผ่นดิน เป็นอันรู้กัน ผมไม่เคยทำคนดี มีแต่สุด ๆ ทั้งนั้น ข่มขืนไม่พอยังฆ่าเขาอีก ปล้นไม่พอ ยังฆ่าอีก อย่างนี้ มันใช้ได้หรือ ตำรวจไปจับเอาระเบิดขว้างใส่ ทำลูกน้องผมตาย ผมไม่ยอมหรอก”

ส่วนตัวเขาก็หวิดมอดม้วยสิ้นชื่อไม่แพ้กัน เมื่อสมัยเป็นจบใหม่มาเข้าร้อยเวรเป็นช่วงเขมรแตกทัพ ทหารพรานเข้ามาในพื้นที่ อันธพาลสมชื่อ มากัน 7 คนถือปืนถล่มป้อมตำรวจที่ตลาดห่างจากโรงพักแค่ 2 กิโลเมตร พ.ต.อ.พายัพเล่าว่า  ไม่ต้องไปใช้ยุทธวิธีอะไร เพราะว่าเวลาทำงาน ลูกน้องรู้มือกันอยู่แล้ว รีบกระโดดขึ้นรถปิกอัพไปล้อมจับ กระโดดล็อก จำนามสกุลคนหนึ่งแม่นเลย คัมภิรานนท์ ยกปืนเอชเคใส่เราแล้วลั่นไกแก็กๆ ปรากฏว่า ลืมปลดเซฟ ไม่อย่างนั้นคงเรียบร้อยตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ได้มานั่งคุยตรงนี้แล้ว

ประสบการณ์โชกโชน อดีตรองผู้บังคับการมือปราบภาคตะวันออกอยากฝากตำรวจรุ่นใหม่ว่า เห็นตำรวจรุ่นน้องในปัจจุบันน่าสงสาร ทำงานกันลำบากมาก ยิ่งตำรวจนคบาลต้องเผชิญหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม ถูกยิงบาดเจ็บบ้าง เห็นแล้วอเนจอนาถใจมาก ไม่เหมือนแต่ก่อน คนละเรื่องคนละราวเลย ในอดีตเราเป็นตำรวจเหมือนกับอุดมคติตำรวจ  อดทนต่อความเจ็บใจ แต่ตำรวจเดี๋ยวนี้ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม ว่าไปแล้วเป็นเรื่องจากข้างบน

นายตำรวจวัยเกษียณอธิบายเพิ่มเติมว่า เริ่มต้นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม แล้วสำคัญสุด ตำรวจที่ไปมีเรื่องโน่นนี่นั่น เพราะสวัสดิการไม่ดีพอ  เคยพูดที่สภามาตลอด แต่เรื่องนี้แก้ไม่เคยตก ตั้งแต่เงินเดือน ค่าตอบแทนอะไรต่าง ๆ  ถามว่า ตำรวจมีขวัญและกำลังใจไหม ตำรวจจำเป็นต้องมีขวัญกำลังใจ เพราะทำหน้าที่เสียสละ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ถึงเวลาปากท้องก็ต้องกิน ถามว่า ทำไมตำรวจฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ความเป็นอยู่ดีกว่า ถึงไม่ไปมีการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ต้องไปตั้งด่าน ความจริงไม่มีใครอยากทำชั่ว  ไม่ใครอยากให้ครอบครัวเดือดร้อนมัวหมอง  อย่างพนักงานสอบสวนก็เหมือนกัน ทำไมยิงตัวตายอยู่เรื่อย แก้ได้ไหม

 

เขาทิ้งท้ายว่า เป็นตำรวจถ้าไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีอุดมคติ ไปไม่รอด เราอย่าไปคิดหวังกอบโกย “ชีวิตผมไม่เคยคิดวิ่งเต้นเรื่องตำแหน่ง  เมื่อก่อนนายจะเห็นเองว่า เราทำงานให้ 2 ขั้นทุกปี ได้ดิบได้ดี เพราะเราเป็นคนทำงาน และนายเป็นคนส่งเสริม ขอให้เราจริงใจและจริงจังต่อการปฏิบัติหน้าที่”

สมัยก่อน เจ้าตัวยังภูมิใจว่า ผู้เป็นนายจะเรียกใช้บริการเพื่อนนักเรียนนายร้อยร่วมรุ่นพิเศษของเขา อย่างทางใต้ต้อง กรีรินทร์ อินทร์แก้ว เหนือต้องสุเทพ เดชรักษา ส่วนนครบาลเลือกธัมรงค์ วงศ์แป้น “ส่วนทางภาคตะวันออกเวลาจะปราบใคร นายจะบอกว่า เฮ้ย ถ้าตะวันออกต้องมาหาไอ้ยัพมัน”

พายัพ ทองชื่น !!!

RELATED ARTICLES