“จริง ๆ แล้ว ผมเริ่มต้นจากเป็นมือสอบสวน”

ไม่คิดฝันว่าจะก้าวไปจนถึงติดยศนายพล

พล.ต.ต.บุญชอบ พุ่มวิจิตร อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กลับได้เลื่อนเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี ระหว่างกำลังเรียนหลักสูตรผู้บังคับการอยู่พอดี ชนิดที่เพื่อน ๆ ต้องเปิดไวน์ฉลองให้กลางโรงเรียน

ภายหลังนายพลเสื้อคับ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช.ส่งคนมาทาบทามต้องการนายตำรวจมือดีไปกำราบนักการเมืองดังฝั่งธน

กับคำถามลองใจที่ว่า “ถ้าเขาเปิดบ่อน กล้าจับเขามั้ย”

เวลานั้น พล.ต.ต.บุญชอบ เป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ตอบแบบไม่ลังเลว่า “ผมไม่รู้จักเขา ถ้ามีหลักฐาน ผมจับ ไม่เว้นหรอก”

ความจริงอดีตตำรวจใหญ่นายนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอยากเป็นตำรวจตั้งแต่แรก แรกเริ่มเดิมทีครอบครัวมุ่งหวังอยากให้เป็นแพทย์ ตั้งแต่ยังเรียนอยู่นครสวรรค์ ทำผลคะแนนดีติดอันดับต้นของจังหวัด กระทั่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปทุมคงคา ไปต่อเตรียมอุดมศึกษาเข้าอยู่ในกลุ่มคนเรียนดีอนาคตไกลจนสอบติดเตรียมแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ชีวิตปีแรกของนิสิตเตรียมแพทย์ เขาลงเล่นกีฬาฟันดาบประจำคณะ เป็นเด็กหนุ่มเฟรชชี่ที่รุ่นพี่เอาอกเอาใจ ทุ่มเทเล่นกีฬาจนไม่เข้าแล็ป ลอกการบ้านเพื่อน ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ส่งผลให้การเรียนตกต่ำและต้องรีไทร์ในที่สุด

เดินคอตกน้ำตาคลอเบ้าออกจากจุฬามากลับเพื่อนรักนักกีฬาที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ไม่ได้เป็นนิสิตแล้วจะสอบแข่งเข้าไปใหม่ก็อายเพื่อน ท้อแท้ แม้ปีต่อมาจะสอบติดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาอีกรอบพร้อมเพื่อน แต่ตัวเองยังสอบติดโรงเรียนนายร้อยตำรวจเลยตัดสินใจบอกเพื่อนว่า “เฮ้ย อย่าไปด้วยกันเลยว่ะ แยกกันตรงนี้เหอะ ขืนไปด้วยกันเดี๋ยวก็ตกอีก ขออนุญาตไปเจอกันตอนที่มึงเป็นนายอำเภอ กูเป็นผู้กอง ไปรบด้วยกัน เจอกันตรงนั้นดีกว่า”

เด็กหนุ่มบุญชอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 12 รุ่นเดียวกับ สมชาย ไชยเวช วิรุฬ ฟื้นแสน จารึก เมฆวิชัย นิรดม ตันตริก ธีระชัย เหรียญเจริญ นิทัศน์ เศวตนันทน์ สุธรรม เศวตนันทน์ ดิสสทัต ภูริปโชติ และวาทิน คำทรงศรี เป็นต้น เขาบอกว่า นายร้อยตำรวจเรียนคนละเรื่องกับจุฬา เรียนยังไงก็สอบได้ เพราะมันบังคับ มีระเบียบวินัย

“จริง ๆ แล้ว ผมเริ่มต้นจากเป็นมือสอบสวน” พล.ต.ต.บุญชอบ ลำดับเรื่องราวของตำนานชีวิต หลังเข้ารับราชการครั้งแรกตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เขาให้เหตุผลว่า เพราะเรียนหนังสือเก่ง การตอบปัญหาในสำนวนคดีจะตั้งตุ๊กตาไว้ มีความผิดข้อหาอะไร ให้เข้าข้อกฎหมาย วินิจฉัยอย่างไร จะตอบได้ดีมาก เขียนสำนวนเป็นนวนิยายละเอียดยิบ มีเหตุ มีผล ผูกข้างหลัง ผูกข้างหน้า เวลากลางคืนต้องสอบเรื่องแสงไฟ แสงสว่าง อยู่ห่างระยะกี่เมตร จำไว้ตลอด  กระทั่งหาพยานหลักฐานมัดผู้ต้องหาได้หมด

แต่ใช่ว่าเส้นทางชีวิตนายตำรวจหนุ่มจะไปได้สวยหรู หลังย้ายจากบางซื่อไปเป็นผู้หมวดอยู่เมืองตรัง เกิดประสบอุบัติเหตุรถคว่ำขาหัก ผู้ใหญ่เลยฝากฝังให้มาอยู่กองปราบปรามที่เพิ่งเปิดกองกำกับการ 7 รับผิดชอบยาเสพติด ตอนนั้น พล.ต.ต.สำราญ กลัดศิริ เป็นผู้การกองปราบ มือขวา จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีที่นั่งควบตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจด้วย แต่พอจอมพลสฤษดิ์จบชีวิต พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจแทนจึงย้ายล้างบางกองปราบปราม ตั้งแต่ผู้การลงมา

ทำให้ผู้หมวดบุญชอบเด้งไปอยู่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี โชคดียังมีนายเก่าเห็นฝีมือสอบสวนเลยดึงไปทำงานที่เมืองอุดรธานี อยู่แค่ 2 ปีย้ายกลับมาเป็นผู้บังคับหมวดเมืองสมุทรปราการ สมัย พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ นายตำรวจรุ่นน้องแซงหน้าเป็นผู้บังคับกองแล้ว

กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเข้ามาสู่ชีวิตนักสืบ เพราะต้องคุมงานสืบสวนควบคู่ไปกับงานสอบสวน “ผมรู้สึกว่าสนุก ตื่นเต้นกว่า เมื่อสืบไปถึงคนนี้ ก็ต่อไปคนนั้นต้องออกติดตาม เฝ้าสะกดรอย  ยิ่งมีพื้นฐานสอบสวนแล้ว ทำให้อ่านรู้ พยานพาดพิงถึงใคร น่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ได้เปรียบกว่า คนทำงานสืบสวนอย่างเดียว”

ถึงกระนั้นก็ตามยังไม่วายเจอปัญหา เมื่อเกิดคดีมือปืนยิงผู้หญิงเจ้าของร้านขายยาที่ตลาดท้ายบ้านเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม สืบไปสืบมารู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังจ้างสังหารเป็นลูกน้องมือขวาวัฒนา อัศวเหม เจ้าพ่อเมืองปากน้ำ ชาวบ้านต่อรองกันในตลาดว่าคดีนี้ตำรวจจะจับได้หรือไม่ เพราะรู้ถึงอิทธิพล พวกเขาคิดว่าตำรวจไม่กล้า “เรื่องเขาหูผม ชาวบ้านในตลาดเชื่อว่า จับไม่ได้หรอก ผมทำไปตามพยานหลักฐาน สอบคืบหน้าเรื่อย ๆ ก่อนขอนุมัติหมายจับได้สำเร็จ”

“ชาวบ้านยังพนันกันอีกว่า ตำรวจจะเอาเข้าห้องขังมั้ย เดี๋ยวคงได้ประกันตัวแน่ แถมมีผู้กำกับจังหวัดโทรมาขอผมด้วย แต่ทุกอย่างมันอยู่ในดุลยพินิจผม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ขอให้การชั้นศาล และไม่โต้แย้งอะไร ผมเลยบอกร้อยเวรเสร็จแล้วเอาตัวเข้าห้องขัง ในตลาดเสียพนันกันเป็นแถว มันจะเป็นใครก็แล้วแต่ ต้องเข้าห้องขังไปก่อน ให้ชาวบ้านเห็นว่า ตำรวจไม่ได้เข้าข้าง จะประกันก็ว่ากันไปตามขั้นตอน อย่างน้อยให้ชาวบ้านรู้ว่าตำรวจไม่ซูเอี๋ยนะ” พล.ต.ต.บุญชอบบอก

หลังเหตุการณ์วันนั้น ผู้ใหญ่เริ่มตึง ๆ ไม่พอใจเหมือนโดนหักหน้า พล.ต.ต.บุญชอบยอมรับว่า  ขืนอยู่ต่อไป รับราชการไม่เจริญแน่ บรรยากาศเริ่มไม่ดี อยู่ปากน้ำมานาน 9 ปีแล้ว ขอย้ายดีกว่า เข้ามาเป็นสารวัตรแผนก 5 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครใต้ ทำงานสืบสวนเต็มตัวในยุค พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันทน์ คุมทัพมือปราบนครบาลใต้ที่กำลังบูมสุดขีด อาศัยความละเอียด มีผลงานออกเป็นระยะ ๆ  ไม่ขายหน้า เพราะที่กองสืบไม่สู้เขา ก็อยู่ไม่ได้

พ้นจากสารวัตรกองสืบ เลื่อนเป็นสารวัตรใหญ่โรงพักบางพลัด นำทีมสืบสวนโชว์ผลงานจับฆาตกรข่มขืนฆ่าอาจารย์โรงเรียนซานตาครูสคอนแวนต์ เฉือนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลธนบุรีจนกลายเป็นเรื่องเป็นราวบาดหมางใจกันไปพักใหญ่ “ ผมมือสอบสวน ดูแล้วน่าจะคืบหน้า สืบสวนเราก็ทำได้ เรื่องอะไรจะให้กองสืบ ต้องแข่งกัน โกรธกันไปพัก เราคนตรง ถ้ายกให้เขาก็หมดเรื่อง แต่ผู้ใหญ่จะมองว่าน้ำยาไม่มี คดีเกิดในท้องที่ จับไม่ได้ ไปให้กองสืบจับ มันก็เสีย” อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้เหตุผล

ต่อมา เขากลับย้ายเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลธนบุรี ขึ้นผู้กำกับการนครบาล 9 เป็นผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครใต้ แล้วขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ เป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2534 เพียงปีเศษถูกดันขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุในปี 2538

นักสืบมือสอบสวนชั้นครูรุ่นเก่าเล่าย้อนถึงหลายคดีที่ประทับใจว่า สมัยเป็นรองผู้กำกับสืบสวนใต้ เกิดคดีปล้นรถบรรทุกสิบล้อบนถนนสายเอเชีย คนร้ายแต่งตัวเป็นตำรวจทำทีตั้งด่านดักจี้โชเฟอร์รถบรรทุกจับมัดขึ้นรถกระบะไปทิ้งแล้วเอารถบรรทุกพร้อมสินค้าไปขาย เหตุเกิดถี่ยิบในพื้นที่ภูธร เป็นแก๊งอยู่แถวถนนสรรพาวุธ บางนา “เรารู้โดยบังเอิญ ผมเป็นคนรู้เอง เพื่อนผมเป็นคนส่งไก่อยู่คลองเตย คนร้ายมาเช่าบ้านติดกัน มันก็มาบอกว่า สงสัยคนข้างบ้าน ไม่ทำมาหากินอะไร เช้าก็หายไป ดึกกลับมา จับกลุ่มกินเหล้ายาปลาปิ้ง มันน่าสงสัย พฤติกรรมแปลกจึงไปเฝ้าติดตาม เจอรถกระบะ จดทะเบียน ได้สี คล้ายกระบะคดีปล้นรถบรรทุก”

“เมื่อแน่ใจแล้วก็วางแผน มี สมคิด บุญถนอม เป็นทีมงานตัวหลัก รู้ว่ามันจะลงมือที่ไหนจึงประสานงานตำรวจทางหลวงตั้งด่านปิดหัวปิดท้ายถนน วางกำลังนอกเครื่องแบบสะกดรอย เอาสิบล้อขวาง กะหนีไม่พ้นแน่ พอพ้นด่านเก็บเงินถนนสายเอเชีย พวกผมก็หาจุดดีเดย์ลงมือปาดหน้าประกบหลัง พวกมันรู้ตัวขับรถทุ่งนาพยายามหนี พอจนตรอกมันก็ยิงป้องกันตัว เจอวิสามัญไปหลายศพ มีเด็กอายุ 16 ปี คนเดียวที่รอด ยิงกันกลางวันแสก ๆ จนฝรั่งที่นั่งรถทัวร์ผ่านมายังนึกว่าถ่ายหนัง”

อีกคดีสมัยอยู่สืบสวนใต้เหมือนกัน คนร้ายจับเศรษฐินีไปเรียกค่าไถ่ ย่านสาทร เอามาล่ามโซ่ขังในกระท่อมจังหวัดราชบุรีเรียกเงินนับล้านบาท ตำรวจต้องระดมทีมเยอะมาก ใช้ทั้งรถเก๋ง รถมอเตอร์ไซค์ สะกดรอยตามตู้โทรศัพท์สาธารณะที่คนร้ายใช้โทรไปต่อรองเรียกค่าไถ่ กว่าจะเข้าล้อมจับตายคนร้ายได้ 1 คน จับเป็นอีก 1 คน และช่วยเหยื่อตัวประกันได้อย่างปลอดภัย

แต่คดีที่ภูมิใจมากที่สุด ตอนอยู่ปากน้ำ มีโอกาสทำสำนวนสอบสวนคดีเรือรบหลวงชนเรือบรรทุกสินค้าที่ปากอ่าว ต้องใช้กฎหมายทางน้ำและ พ.ร.บ.การเดินเรือเข้ามาเกี่ยวข้อง พล.ต.ต.บุญชอบบอกว่า เกิดมาไม่เคยสอบเรื่องแบบนี้ ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบมาก กัปตันเรือรบเป็นนาวาเอก กลัวมาก เพราะถ้าตัดสินว่าเป็นฝ่ายผิดต้องเสียเงินใช้หลวง ถูกปลด หมดอนาคต “ผมปลอบเขาว่า เอาน่ะ ยังไงเกิดในน่านน้ำไทย ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราไม่ฆ่าคนไทยด้วยกัน พูดให้เขาสบายใจ แต่ถือเป็นคดีตัวอย่าง  ขึ้นศาลปากน้ำ เรือสินค้าฝรั่งตั้งทนายความมาจากต่างชาติ ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ”

“สู้กับทนายฝรั่ง ผมภูมิใจมาก ที่กล้า เพราะเหตุเกิดน่านน้ำไทยต้องใช้กฎหมายไทย ไม่ใช่กฎหมายสากล ในที่สุดพิจารณาสั่งฟ้องฝ่ายเรือสินค้าข้อหากระทำการโดยประมาท (ขับเรือ) เป็นเหตุให้ได้รับการเสียหาย กองทัพเรือมาจับมือ มีใบประกาศให้ เหมือนเราได้ช่วยรักษาทรัพย์สินของข้าราชการไทย” อดีตนายตำรวจคนดังบอกอย่างภาคภูมิใจ

พล.ต.ต.บุญชอบทิ้งแง่คิดไว้ด้วยว่า การเป็นตำรวจที่ดี ต้องสืบสวนเก่ง สอบสวนเก่ง สืบสวนเก่งสอบไม่เป็น จะตอบอะไรไม่ได้ แต่สำคัญที่สุดก็คือ เวลาขึ้นศาลต้องมีชั้นเชิงให้ทัน ไม่ใช่เก่งทุกอย่าง พอขึ้นศาล ใจสั่น เจอทนายจำเลยซัก ทำอะไรไม่ถูก เบิกความไม่เป็น ไม่คล่อง พูดผิด เป็นถูก ขาดความน่าเชื่อถือ  เก่งมาแทบตาย เบิกความไม่เก่ง ไม่สอดคล้องกัน คดีก็อ่อนยวบ

“เหมือนฟุตบอลเวลาลงสนามแข่งจริง ต้องฝึกซ้อมดี ไม่ปลอดใคร ทำการบ้านมาดี  บางคน เก่งหมดทุกอย่าง แต่ขี้เกียจ ต้องอ่านสำนวนให้ละเอียด สงสัยตรงไหนควรซักซ้อมกับอัยการ ทำชอร์ตโน้ต ระหว่างรอการพิจารณาต้องนั่งทบทวน พอแม่นแล้ว ทนายจะเก่งอย่างไร กินเราไม่ลงหรอก เพราะเตรียมตัวมาอย่างดี พูดชัดถ้อยชัดคำ ศาลก็เชื่อ ไม่เช่นนั้นจากคดีดี ๆ อาจล้ม เพราะเบิกความไม่เป็นท่า”

บุญชอบ พุ่มวิจิตร !!!

 

 

 

RELATED ARTICLES