สาวสวยแววตาคมแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น

มิ้นต์” รณิดา อัจกลับ ทายาท พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี เริ่มต้นเรียนอนุบาลพิณทิพย์ ไปต่อโรงเรียนพญาไท 2 ปี ย้ายเข้าสู่โรงเรียนประจำที่วัฒนาวิทยาลัย กระทั่งจบมัธยม 6

เป็นนักกิจกรรมตัวยง เข้าประกวดร้องเพลงทุกเทศกาลของโรงเรียน และประกวดเวทีเคพีเอ็น เคยรับรางวัลร้องเพลงพระราชนิพนธ์ภาษาอังกฤษชื่อเพลง still on my mind  ของสถาบันสมัยอยู่มัธยม 6

ทำให้เคยมีความฝันอยากเป็นนักร้อง

จบมัธยมปลายสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  มีโอกาสได้ฝึกงานเออีที่บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด แต่ก่อนหน้านี้ลงเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพียง 2 ปี ได้ปริญญาตรีเป็นดีกรีติดตัวแล้ว 1 ใบ เธอบอกว่า ตอนแรกคิดจากเป็นเซลส์ ได้ขับรถไปหาลูกค้า ทำไปทำมาก็ไม่รู้จะเป็นอะไรดี ตัดสินใจลงเรียนนิติศาสตร์ เพราะพ่อแนะนำ มองว่า รู้กฎหมายไว้จะดี ไม่ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบ

ชีวิตวัยเด็ก มิ้นต์สนิทกับพ่อมาก ตามตะลอนไปทุกที่เวลาผู้พ่อออกตรวจพื้นที่สมัยอยู่นครบาลทำงานเคียงข้าง พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น เจ้าตัวระบายความรู้สึกผ่านชีวิตของพ่อว่า ชีวิตตำรวจไม่ได้อยู่เฉย มีอะไรปุ๊บปั๊บต้องไปทันที “มิ้นต์สัมผัสคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก มองว่ามันยากกว่าที่คิด เหมือนว่าตำรวจ ไม่ใช่แค่ว่าเก่งแล้วจะอยู่ได้อย่างเดียว ต้องแลกกับเวลาครอบครัว การทำงานไม่มีเวลา ตื่นเช้ามาก บางที คุณพ่อก็เพิ่งกลับมา ชีวิตกลายเป็นว่า คุณพ่อไปทาง คุณแม่ไปทาง เท่าที่เห็น ก็รู้สึกว่าต้องอุทิศตัว เสียสละเวลา ดึกดื่นแค่ไหนก็ต้องไป เพราะเป็นงานด่วน”

“มิ้นต์เข้าใจคุณพ่อนะ เข้าใจมาตลอด ช่วงคุณพ่อถูกย้ายไปต่างจังหวัด ต้องห่างกัน ทำเอามิ้นต์ร้องไห้ สงสารคุณพ่อ ไม่อยากให้คุณพ่อเครียด ตอนนั้นเหมือนว่า คุณพ่อไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เพราะมินต์ไม่เคยเห็นคุณพ่อท้อ ไม่เคยเห็นเรื่องอะไรที่ทำให้คุณพ่อสะเทือนใจ เห็นคุณพ่อสู้มาตลอด ทำงานมาตลอด แต่พอเป็นอย่างนี้ เหมือนคุณพ่อรับไม่ได้ มิ้นต์ก็ยิ่งเป็นห่วง คอยให้กำลังใจ”

นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพสารภาพว่า การเป็นลูกตำรวจต้องเอาตัวรอดให้ได้ อยู่คนเดียวให้ได้ พ่อสอนไว้ทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน สอนให้ระมัดระวังตัว อย่างพ่อไปเจออะไรมาก็จะคิดว่าอาจจะเกิดกับเราได้ เช่น ห้ามไปฟิตเนส เพราะเทรนเนอร์จะเป็นแบบนั้นแบบนี้ หรือเวลาเดิน ก็ห้ามเดินตรงนี้ อันตราย ห้ามเดินข้างรถตู้ ห้ามเล่นโทรศัพท์มือถือเวลาอยู่ทางสาธารณะ

เธอบอกอีกว่า มีโอกาสได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตจากมุมมองการทำงานของตำรวจเยอะกว่าคนธรรมดา รู้เบื้องหลังการทำงาน รู้ว่าสังคมน่ากลัวกว่าที่คิด บางคนชะล่าใจ แต่ความเป็นจริงอะไรก็เกิดขึ้นได้ พ่อทำงานหนักไม่ใช่เวลาคนทำงานทั่วไป เช่น ตี 3 พ่อถึงเลิกงาน ไปกินโจ๊กตอนเช้า ถามว่า กดดันหรือไม่กับการเป็นลูกตำรวจจากเสียงรอบข้างที่เกลียดตำรวจ ไม่นะ แต่ถ้ามีคนพูดให้ได้ยิน เช่นเวลายัดเงินตำรวจ เราก็จะบอกไปว่า ถ้าจะให้ถูกกฎหมาย ทำไมไม่ไปเสียค่าปรับเองล่ะ เอาเงินไปยัดให้ทำไม

“ใครจะเกลียดก็เกลียด สำหรับมิ้นต์คิดว่า คุณพ่อไม่ได้ไปทำทุจริตอะไร คนอื่นจะเป็นยังไงช่างมัน เพราะว่าทุกอาชีพ มันมีทั้งคนดี และไม่ดีอยู่แล้ว แล้วแต่ความคิดคน” ลูกสาวผู้กำกับภูธรทิ้งท้าย

RELATED ARTICLES