“การเป็นเมียตำรวจต้องปรับได้ทุกสถานการณ์”

าวอุทัยธานีมีความคิดเป็นของตัวเองสูง

คุณเกศ-ณศา วรรณวิไล ภรรยา พ.ต.อ.ณัชภูม วรรณวิไล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าหิน จังหวัดลพบุรี นักเรียนนายร้อยรุ่น 37 เกิดในครอบครัวครู จบมัธยมโรงเรียนหนองฉางวิทยา ไปต่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพ แต่ไม่จบเลยเลือกลงมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สุดท้ายสำเร็จการศึกษาคณะบริหาร การจัดการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

เธอมีความฝันตอนเด็กอยากเป็นคุณนาย ตามคำที่ผู้ใหญ่ชอบเอามาอำว่า เป็นคุณนายแล้วจะสบาย ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เรียนจบออกมาไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากค้าขาย เพราะชอบอะไรแบบนี้มากกว่า แบบว่า มีเงินใช้ทุกวัน ถามว่า ทำไมไม่อยากเป็นครู คงเพราะเบื่อ ที่บ้านเป็นกันหมด ตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า มาลุงป้า น้า อา เป็นครูหมด มีเราหลุดมาคนเดียว

จะว่าไปแล้วชีวิตมาพบรักนายตำรวจหนุ่มขณะตัวเองเรียนอยู่มหาวิทยาลัย คุณเกศเล่าว่า เจอกันในงานแต่งงาน เราไปรอพี่ชายที่เล่นดนตรีในงาน ส่วนเขารู้จักเจ้าบ่าว บังเอิญนั่งโต๊ะเดียวกันเลยมีโอกาสนั่งคุยกัน ตอนแรกไม่เคยสนใจ เพราะไม่ชอบตำรวจ รู้แค่ว่า เขาเป็นสารวัตรอยู่กองทะเบียน ไม่รู้ด้วยซ้ำเวลาแต่งเครื่องแบบดูยศยังไง

ปรากฏว่า ฝ่ายชายขอเบอร์ สมัยก่อนมีแค่แพ็กลิงก์ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ กลายจุดเริ่มต้นสานสัมพันธ์เรื่อยมา “ตอนแรกก็เฉย ๆ นะ ดูว่า เขาก็หล่อดี คบกันอยู่พักก็เป็นแฟนกัน เขาดูแลเราดี ช่วยเหลือจนเราเรียนจบ ตอนนั้นอยู่หอการค้า แต่เรียนไม่ไหวเลยโอนไปศรีปทุมจนจบได้”

ทั้งคู่ตกลงปลงใจร่วมชีวิตอยู่ด้วยกัน แม้ไม่มีพิธีแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว แต่จดทะเบียนสมรสกันเป็นโซ่คล้องใจ คุณเกศสวมบทแม่บ้านคนเก่งช่วยเหลือสามีทุกอย่าง พยายามทำธุรกิจหารายได้เสริมครอบครัว เริ่มตั้งแต่เปิดร้านเช่าวีดีโอหลายสาขา ยุคที่กำลังบูม ก่อนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแถวมหาวิทยาลัยรังสิต

ก่อนหน้าเคยสมัครงานบริษัท ช.การช่าง ฝรั่งตามตัวให้เป็นเลขานุการ เธอลังเลไม่น้อย กระทั่งเลือกตัดใจทำร้านวีดีโอที่สร้างกำไลเดือนละเป็นแสนในสมัยนั้น “เราเป็นคนประเภทไม่อยากขอเงินใครใช้ และเบื่อการเป็นลูกจ้าง สู้เป็นนายตัวเองดีกว่า เวลาสามีย้ายไปที่ไหนก็จะคิดทำธุรกิจ ทำงานไปเรื่อย ไม่อยากอยู่เฉย ๆ”

ครั้งหนึ่งสามีย้ายไกลเป็นรองผู้กำกับอยู่โรงพักเขืองใน อุบลราชธานี คุณเกศยังถือโอกาสไปสมัครเป็นผู้ประกาศข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ช่อง 11 อยู่ที่นั่นด้วย เจ้าตัวเล่าว่า เขาเป็นห่วงเราไม่อยากให้อยู่คนเดียวที่กรุงเทพฯ รู้สึกว่า ตอนนั้นได้บ้านอยู่แถวรังสิตแล้ว เราก็เลยตัดสินใจตามไป นอนมองเพดาน ว่างงานไม่ได้ทำอะไร โรงพักเขื่องในอยู่ติดกับเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร นั่งดูข่าว ก็คิดว่าอยากจะทำเลยไปสอบใบผู้ประกาศ ได้ปุ๊บ ก็ไปอ่าน พอดีรู้จักผู้ใหญ่ช่วยฝากด้วย

อ่านข่าวภูมิภาค กรมประชาสัมพันธ์ ประจำศูนย์ข่าวอุบลราชธานีปีเดียว สามีย้ายมาอยู่โรงพักพัฒนานิคม ลพบุรี เธอขอลาออกตามมาอยู่บ้าน เพาะหมาขาย ควบคู่กับเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ เหตุเพราะอยู่เฉยไม่ได้ ไม่นานสามีย้ายอีก ขยับเป็นรองผู้กำกับป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองลพบุรี พอตกเงินสามีไปตีกอล์ฟ เธอก็ตามไปเดินจนเมื่อย เกิดความคิดจะทำอะไรดีที่มันได้เงินจึงเปิดร้านกาแฟขายในสนามกอล์ฟ

“เขาย้ายวนเวียนอยู่ลพบุรีหลายรอบ คิดว่า เราต้องปักหลักได้แล้ว ก่อนเปิดร้านกาแฟในโรงพักอีกแห่งไว้เป็นสวัสดิการให้แก่ครอบครัวตำรวจชั้นผู้น้อย” คุณเกศให้เหตุผล “ถามว่ากำไรไหม ก็ไม่ค่อยได้กำไรหรอก สร้างแบบเสริมหน้าตาสามี ปรับปรุงให้มันดูดี ทุกปีจะเอากำไรมาจ่ายเป็นทุนการศึกษา เราสร้างด้วยเงินส่วนตัว เงินมอบทุนการศึกษาล้วนแล้วเป็นน้ำพักน้ำแรงของเราที่เกิดจากกลิ่นกาแฟล้วน ๆ ”  

“การเป็นแม่บ้านตำรวจ สำหรับเรามีมุมมองไม่เหมือนใคร เราอาจจะอยู่กับการค้าขายมากกว่า  การพูดคุย หรืออะไร ต่างกันกับสังคมที่เป็นคุณนาย แต่เราก็ไปในสถานะนั้นได้ เราไม่ชอบการนินทา ถ้ามีปัญหาก็คุยกันเลย ให้จบ ไม่ชอบอะไร บอกมาตรง ๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าบอก การเป็นเมียตำรวจต้องปรับได้ทุกสถานการณ์ ถ้าต้องทำอะไร คือ ทำได้อยู่แล้ว อะไรที่ต้องยอมก็ต้องยอมได้ อาจจะมีต่อต้านในใจ แต่ก็ต้องยอม”เธอว่า

คบหาดูใจกันนานกว่า 20 ปี ภรรยาสาวผู้กำกับมีหลักว่า ประคองชีวิตด้วยการเข้าใจกัน อาจด้วยวัยที่ต่างกัน เราจะช่วยคิดแทนเขา บางทีเขากลับมาก็เหมือนกับว่าแทบจะไม่ได้นอนแล้วก็ต้องออกไปทำงานอีก เราพลอยนอนไม่หลับไปด้วย เขาก็จะบอกว่า ฟังวิทยุให้ด้วยนะ ถ้ามีอะไรให้ปลุกเลย เหมือนเราก็ต้องเหนื่อยไปด้วย มันก็ไม่พ้น

“เหนื่อยตลอด คิดว่าอีก 5 ปี สามีเกษียณก็สบายแล้วจะได้ไปเที่ยว ทั้งที่ก่อนหน้าเขาสัญญาว่าเป็นผู้กำกับจะพาไปเที่ยว ก็ยังไม่เห็นได้ไปไหน เพราะไม่มีเวลาว่างเลย ยิ่งตำแหน่งสูงขึ้น เวลายิ่งไม่มี เคยทะเลาะกันบ้าง เรื่องเวลา บางทีเราก็ต้องการเวลาบ้าง แต่เขาไม่มีให้ แล้วด้วยอายุที่ห่างกันด้วย เลยต้องเติมความหวานกันบ้าง เรามองว่า ผู้ชายต้องหาผู้หญิงที่อายุห่างกันสัก 10 ปีถึงจะดี”

คุณเกศบอกว่า ตัวเองอาจจะมีบุคลิกไม่เหมือนใคร พูดเก่ง คุยสนุก ซึ่งสามีไม่มีตรงนั้น จะตรงข้ามกับเราทุกอย่าง เหมือนเราจะเป็นปากแทนเขา เวลาคุยกับนาย หรือคุยกับคนในสังคมทั่วไป บางครั้งเกิดคำถามเหมือนกันว่า ควรจะไปไหมงานนี้ หรือควรจะทำตัวอย่างไร เมื่ออยู่ในสังคม เพราะบุคลิกเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง เวลาพูดอะไรออกไป บางทีมันออกมาจากใจเรา แล้วบางทีบางคนรับไม่ได้ พูดไปแล้วค่อยกลับมาคิด ก็ไม่ทันแล้ว เป็นคนละแบบกับสามี

ทิ้งท้ายเธอรับว่า บางครั้งมองแบบไม่เข้าใจระบบวัฒนธรรมองค์กรตำรวจ แต่ต้องอยู่ให้ได้ เพื่อประคองสามี บางทีไปเห็นไปรับรู้ ก็รู้สึกเดือดร้อนแทน ทั้งเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม บางทีเหนื่อยแทน เพราะชอบคิดแทนสามี

 

 

RELATED ARTICLES