สุญญากาศของสถานการณ์ “กัญชาเสรี” กำลังทำให้เกิดความสับสนเรื่องกฎหมาย
เมื่อผู้ถือกฎหมายยังไม่แม่นพอจะดำเนินการอย่างไรกับพวกนำเอากัญชามาเสพกันอย่างแพร่หลาย
ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง กระทรวงสาธารณสุข ไม่วายสับสนตัวเอง ทำขึงขังทันทีที่ นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โยน “เผือกร้อน” ให้รับไปดำเนินการดำเนินคดีผู้ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย หรือส่งออก สมุนไพรควบคุมหรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า
สาระสำคัญขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย พุทธศักราช 2542 ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีบุคคลหรือนิติบุคคลใดที่ไม่ดำเนินการตามมาตรา 46 แห่ง พระราชบัญญัติฉบับนี้ในกรณีดังต่อไปนี้
1.ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัยในเรื่องกัญชา
2.ไม่ขออนุญาตส่งออกกัญชา
3.ไม่ขออนุญาตจำหน่ายกัญชา
4.ไม่ขออนุญาตแปรรูปกัญชาเพื่อการค้า
กระทั่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องกางตำรา 4 ฐานความผิดตามกฎหมายภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ไม่ให้ผู้ปฏิบัติ “คลุมเครือ” ถึงอำนาจหน้าที่
มอบฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติศึกษา หารือกับกระทรวงสาธารณสุขถึงสาระสำคัญและแนวทางปฏิบัติร่วมกันเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว
ยังไม่ทัน “ตกผลึก” ตกเย็นกระทรวงสาธารณสุขต้นเรื่อง “กลับลำ” ขอเอกสารคืน
นพ.ณรงค์ สายวงค์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงด่วน
อ้างเหตุผลที่ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินคดีผู้ไม่ขออนุญาต 4 กรณีที่ว่าเพื่อต้องการคุ้มครองผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์และสตรีให้นมบุตร
แต่เมื่อมีการตรวจสอบหนังสือและปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปข้อสั่งการให้อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้ทบทวนในรายละเอียดประเด็นที่เกี่ยวข้องก่อน
จำเป็นต้องนำหนังสือฉบับถึง “แม่ทัพสีกากี”กลับมาพิจารณาทบทวนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด
การประชุมของอนุกรรมการกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยหารือร่วมกันเห็นควรอาจจะต้องปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนมากขึ้น ใน 4 เรื่อง ได้แก่
1.ประชาชนที่ใช้กัญชาดูแลสุขภาพต้องไม่ได้รับผลกระทบ
2.ไม่มีผลทางกฎหมายกับความผิดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีประกาศฉบับดังกล่าว
3.ความชัดเจนของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่และไม่มีความผิด
4.กัญชาเป็นพืชที่มีความสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจและคุณค่าทางการแพทย์
ยืนยันว่า การเปิดโอกาสให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม ถูกด้อยค่า ไม่ควรเกิดขึ้น
ฉะนั้น อนุกรรมการเห็นเบื้องต้นว่า ควรปรับปรุงประกาศสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ให้ชัดเจน ประเด็นหลักเช่น ประกาศให้เฉพาะ “ช่อดอกกัญชา” เป็นสมุนไพรควบคุม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาด้วยส่วนประกอบอื่นที่ไม่ใช่ “ช่อดอก” จะสามารถดำเนินการได้ตามปกติ
เตรียมส่งให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเพื่อประกาศใช้
คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า
ตื่นรู้กันเสียทีเถอะอย่ามัวเคลิบเคลิ้มหลงกลิ่นกัญชาอยู่อีกเลย