รวบอดีตทหารประวัติแสบใช้เอกสารปลอมหลอกเช่ารถหรู

 

ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม  พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ  พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบบผาสุวรรณ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.วีระศักดิ์ คล้ายทอง ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผืดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมแถลงผลการจับกุม ส.อ.เจษฎา หรือโบ้ท ศรีมหาสันติ หรือ กฤชนนท์ ณภานนนท์ อายุ 26 ปี ที่หน้าบริเวณ เดอะทรี คอนโดมีเนียม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 366/2565 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน

ผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตพนักงานสลับสายหมวดสื่อสาร กองร้อยกองบังคับการ กรมทหารสื่อสารที่ 1 (กระทุ่มแบน)  ค่ายกำแพงเพชอัครโยธิน จังหวัดสมุทรสาคร หลอกชักชวนเพื่อนที่ทำงานร่วมกันลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ที่ไม่เป็นความจริง  มีผู้เสียหาย 21 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากกรรมทางเศรษฐกิจ เมื่อวันที่่ 10 พฤษภาคม 2565 รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงแต่ไม่ได้แจ้งความเนื่องจาก ผู้ต้องหาจะใช้วิธีหมุนเงินเอาเงินจากผู้เสียหายรายใหม่ไปใช้หนี้ให้กับผู้เสียหายที่ต้องการจะแจ้งความอีกด้วย

นอกจากคดีหลอกลงทุ ที่ผู้เสียหานยได้แจ้งความแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ยังได้มีบริษัทรถเช่าและบริษัทเต็นท์รถ จำนวน 3 บริษัทเข้าร้องทุกข์กับกองปราบปรามว่า ส.อ.เจษฎาก่อเหตุเช่ารถหรู ราคาแพง อ้างว่าจะนำไปให้ผู้บังคับบัญชาใช้งาน มีทั้ง ปอร์เช่ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และเบนซ์ ในราคาเช่าวันละ 1.2 -1.5 หมื่นบาทต่อวัน หาชื่อครอบครองรถและปลอมเอกสารต่างๆ นำไปจำนำหรือขายต่อให้เต็นท์รถมือสองย่านนนทบุรี ได้เงินมาครั้งละหลายล้านบาทจนผู้ให้เช่าเริ่มสงสัยไม่ปล่อยรถให้เช่า ผู้ต้องหาจะหาเพื่อน หรือคนรู้จักให้ไปเช่ารถแทนแล้วนำไปขายอีกให้เปอร์เซ็นกับผู้ที่ไปเช่ารถเป็นการตอบแทน รวมเช่ารถและนำไปขายทั้งหมด 12 คัน มูลค่าประมาณ 76 ล้านบาท นอกจากนี้ทราบว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ มีรถหรูจำนวนมากที่ถูกหลอกเช่าไปจำนำและหลอกขายต่อให้เต็นท์รถยนต์มือสอง มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท คาดว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามท้องที่ต่างๆ

จากการตรวจสอบทราบอีกว่า ทุกครั้งที่ผู้ต้องหานำรถที่หลอกเช่าไปจำนำหรือขายนั้น มักจะนำภาพใบหน้าตัวเองตัดต่อลงข้อมูลบัตรประชาชนผู้อื่น เพื่อให้ตรงกับข้อมูลรถยนต์คันนั้นๆ แล้วจะนำไปขาย หรือจำนำ เมื่อได้เงินมาจะนำมาใช้จ่ายส่วนตัว บางครั้งจะนำมาชดใช้ให้กับเต็นท์รถต่างๆรวมทั้งผู้เสียหายที่ถูกหลอกร่วมลงทุน เป็นการหมุนเวียนเงินไปเรื่อย ๆ และกระทำในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง หลังจากทราบเรื่อง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผู้บังคับการปราบปราม  พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ปฏิบัติราชการกองกำกัับการ 2 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ต.หญิง กัญจิรา นรสาร สารวัตรฝ่ายอำนวยการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ปฏิบัติราชการกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม นำกำลังสืบสวนจนสามารถตามจับกุมได้ดังกล่าว

สอบสวน ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนส่งตัวฝากขังที่ศาลทหาร และจากการการตรวจสอบพบว่า ส.อ.เจษฎา หลังจากก่อเหตุหลอกลวงเพื่อนทหารในค่ายเดียวกันจนถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้วได้ถูกต่นสังกัดมีคำสั่งให้ออกจากราชการ ตรวจสอบบัญชีพบมีเงินหมุนเวียนเกือบ 200 ล้านบาท ยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 2 หมาย เป็นหมายจับศาลอาญาพระโขนง ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ข้อหา ฉ้อโกงหลายครั้งที่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดีจะหาทางเจรจาเคลียร์คดีกับผู้เสียหายจนรอดจากการถูกจับกุมดำเนินคดี

RELATED ARTICLES