ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการทลายเครือข่ายหลอกลงทุนพีมายเนอร์ ตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่าในโอกาสใกล้ครบรอบการสถาปนากองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ครบรอบสองปี และอาจจะเป็นปฎิบัติการโอปเรชั่นช่วงท้าย ๆแล้วหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ แต่ต้องบอกว่าเราจะทำงานจนกระทั่งหมดเวลา “ในฐานะตำรวจไซเบอร์ไม่ว่า จะอยู่ในฐานะอะไร จะต้องขยับไปอยู่ตำแหน่งใดก็ตาม ความรับผิดชอบในความเป็นตำรวจจะติดตัวผมอยู่ตลอด ไม่มีคำว่าหยุดแล้ว พอแล้วเพราะจะขึ้นแล้ว มันไม่ใช่วิสัยของผม จะทำงานจนหยดสุดท้าย ยิ่งเป็นนักกีฬารักบี้ด้วย ตราบใดที่เสียงนกหวีดยังไม่เป่าหมดเวลาผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” เจ้าตัวระบายความในใจระหว่างแถลงข่าว
สำหรับการทลายการเครือข่ายหลอกลงทุนพีมายเนอร์เป็นผลงานสำคัญของ พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2565 ตั้งใจบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และนำทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหาย กรณีหลอกลงทุนดังกล่าว สืบเนื่องจากเดือนมกราคม 2565 ผู้ต้องหากับพวกร่วมกันโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านเฟซบุ๊ก และกลุ่มไลน์ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี มายเนอร์ คริปโตเคอร์เรนซี่ กรุ๊ป ให้สมัครเป็นสมาชิก ร่วมลงทุนขุดเหรียญ และเทรดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี ตามโครงการต่างๆ กว่า 30 โครงการ มีจำนวนเงินการลงทุน ได้รับผลกำไรที่แตกต่างกัน เช่น หากลงทุน 50,000 บาท จะได้รับการคืนทุน 5 ครั้ง ทุกวันที่ 6 ของเดือน แบ่งเป็นงวดๆ ละ 8,000 บาท 13,000 บาท 16,000 บาท 20,000 บาท และ 24,000 บาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 80,000 บาท บางโครงการอ้างได้กำไรมากถึงร้อยละ 82 ต่อเดือน หรือได้กำไรร้อยละ 1,000 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วจะได้รับหนังสือสัญญาการลงทุน ระบุรายละเอียดไม่ว่าจะเป็น ชื่อโครงการ จำนวนเงิน ระยะเวลาที่ลงทุน จำนวนครั้งและผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่า มีการลงทุนจริง ช่วงแรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง กระทั่งเดือนสิงหาคมเริ่มไม่ได้รับเงินปันผล อ้างเหตุขัดข้องต่างๆ และไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาต่อมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงมาแจ้งความดำเนินคดีนำมาสู่การออกหมายจับนายกิติกร อินต๊ะ อ่ยุ 32 ปี ซีอีโอบริษัท พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป และน.ส.ณัฐวดี พรหมปัญญา อายุ 36 ปี แฟนสาว ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโฆษณา หรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงิน ตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินกำหนดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกัน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยึดของกลาง อาทิเช่น รถยนต์หรูเบนท์ลี่ย์ เบนเทย์ก้า ลัมบอร์กีนี ฮูราคาน เฟอร์รารี่ สไปเดอร์ ปอร์เช่ 718 บ็อกสเตอร์ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์โฟร์ รถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน เครื่องขุดเหรียญดิจิทัล 50 เครื่อง อายัดเงินบัญชีอีก 117 บัญชี เป็นเงินกว่า 112 ล้านบาท อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ thaipoliceonline.com แล้วกว่า 341 ราย ความเสียหายรวมกว่า 439 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีผู้เสียหายบางส่วนเข้าแจ้งความกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ อีก 500 ราย