ต้อง “ถอดบทเรียน” กันกี่รอบ “ล้อมกรอบ” กันอีกสักกี่ครา
อาวุธปืนอยู่ข้างกาย ทำให้ร่างกายพร้อมปะทะ เมื่อ “สติสัมปชัญญะ” ขาดความยั้งคิด ยอมเกิด “โศกนาฏเลือด” แบบไร้เหตุผล
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่งออกมาตรการให้ผู้บังคับบัญชาช่วยควบคุมสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวด
ไม่ทันไรก็มีเหตุการณ์ทำลายภาพพจน์องค์กรตำรวจจนได้
วีรกรรมของ จ.ส.ต.ชติพันธ์ นาคแก้ว ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบ้านหนองเอื้อง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง หน่วย S.W.A.T ของตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ชักปืนยิงคู่กรณีภายในสถานบันเทิง “คันทรี่โฮม” ถนนพัทลุง ทางเข้าสถานีขนส่งจังหวัดตรัง เขตเทศบาลนครตรัง
สะทกสะท้านสะเทือนขวัญสั่นประสาทชาวบ้าน
“จ่าเบิร์ด” อดีตการ์ดของร้านเมาอาละวาดมีปากเสียงกับนายจิตกร หรือขาว คงจันทร์ อายุ 32 ปี คนสนิทนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ เป็น ขาใหญ่ของจังหวัด บานปลายถึงขั้นสาดกระสุนรัวใส่ร่าง 9 นัดจนตายคาที่
มีผู้บาดเจ็บอีก 2 รายรวมอยู่ด้วย
มือปืนยศจ่าสิบตำรวจอาศัยลูกชุลมุนหลบหนีกลับต้นสังกัด ขโมยปืนสงครามเอ็ม 4 กระสุนและเสื้อเกราะหลบหนี ทิ้งโทรศัพท์มือถือ ป้องกันไม่ให้ติดตามตัว
พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง มอบหมาย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ระดมชุดสืบสวนและทีมปฏิบัติการพิเศษศรีตรังออกปิดเมืองตามไล่ล่าอย่างระมัดระวัง เนื่องจาก “จ่าเบิร์ด” มีทักษะความชำนาญในยุทธวิธี แถมเป็น พลซุ่มยิงระยะไกล หรือ “สไนเปอร์ประจำหน่วย”
ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า “จ่าตำรวจปืนโหด” จะผลีผลามคิดส่องกระสุนใส่เพื่อนร่วมสังกัดหรือไม่ เมื่อถึงเวลากลายเป็น “หมาจนตรอก”
หลังประกาศกับเพื่อนสนิทจะไม่ยอมให้จับเป็น
ตัวเขาถึงถูกขึ้นบัญชีประกาศจับบุคคลอันตราย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เจ้าสำนักปทุมวันยอมรับส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับทุกหน่วยในการป้องกันเหตุอีกครั้ง
ถอดบทเรียนนำมาล้อมคอก
เรียกความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนกลับคืนมา