“ทุกคนวิ่งเต้น แต่คนไม่มีเส้นมานั่งเฝ้าจุด” เสียงสะท้อนชีวิตคนทำงาน
ผลกระทบจากการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทำลายขวัญกำลังใจสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างสำหรับผู้พลาดขบวนรถไฟ
ไม่มีเส้นสาย ไม่มีนายหนุนส่ง
ไร้ตั๋ว ไร้ค่าย
ผลสุดท้ายต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพ ทำงานต่อไปตามวงจรวิถีชีวิตราชการตำรวจ
พร้อมรับชะตากรรมเหมือนที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตแม่ทัพกระตุกเตือนสติเป็นกำลังใจให้ลูกน้องที่พลาดหวังทุกคน
“ไม่ว่าจะมีตำแหน่งดีแค่ไหน ไม่ว่าจะตำแหน่งเลวแค่ไหน มันก็ไม่มีตำแหน่งไหนอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ถึงวันหนึ่งทุกคนก็ต้องลุกจากไป” วลีของเขาบ่งสัจธรรมชัดเจน
“ขอให้ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด ให้จำไว้ คำพูดที่เคยบอกว่า ให้แสวงหาความสุขในเส้นทางที่เราเดินไป ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน มันก็คงมีความสุขตกหล่นพอให้เก็บได้บ้าง จำไว้ว่า คนอื่นอาจจะแต่งตั้งให้เราไปอยู่ที่โน่นที่นี่ได้แต่จะมาบังคับเราให้ทำตัวอย่างโน้นอย่างนี้ไม่ได้ เราสามารถเป็นตำรวจอย่างที่เราอยากจะเป็นได้ แม้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เขาให้เป็น” เจ้าตำรานักสืบในตำนานว่าไว้
กระนั้นก็ตาม ภาพที่ปรากฏว่อนโซเชียลตีแผ่บรรดานายตำรวจถือพวงมาลัยต่อแถวไปไหว้นักการเมืองขอบคุณที่ใช้ “อำนาจบารมี” ส่งประกวดฝันในการแข่งขัน “เก้าอี้ดนตรี” กำลังบอกถึง หายนะครั้งใหญ่ ของสำนักปทุมวัน
แม้จะมีการออกตัวเป็นการเข้าขอพรผู้หลักผู้ใหญ่ตามประเพณีปีใหม่ไทย
แต่ทำหลายคนเสียความรู้สึก
ทำราวกับผู้บังคับบัญชาไม่มีความหมาย เนื่องจากไม่สามารถให้คุณให้โทษให้ตำแหน่งได้ ถึงเวลาย่อม”ตกเป็นทาส” รับใช้นักการเมือง มีหรือจะทำงานรับใช้ประชาชน
เป็นเรื่องที่น่ากังวลกับระบบที่มีผลพวงมาจากการแต่งตั้งโยกย้ายที่ยากปฏิเสธความจริง
พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับปรับปรุงใหม่ ไม่ได้ใช้แก้ปัญหาที่หมักหมม ไม่ได้แก้ปัญหาโคลนตมที่จมอยู่ก้นทุ่งปทุมวัน
ไม้หลักถึงปักอยู่บน “ขี้เลน” โอนเอนหาจุดยืนไม่ได้
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะนายกสมาคมตำรวจถึงระบายความเห็นออกมาอย่างแรง
“พวกเราต่อสู้กันมาทั้งชีวิตเพื่อไม่ให้การเมืองเข้ามายุ่งกับการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ชาตินี้จะได้เห็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เวรกรรม…”
เจ้าตัวว่า ภาพตำรวจถือพานพร้อมพวงมาลัยเข้าขอบคุณนักการเมืองหลังจากการแต่งตั้ง นี่หรือคือ “การปฏิรูปตำรวจ”
เห็นแล้วเศร้า
ไม่โทษตำรวจที่วิ่งและคนที่ขอ ความผิดมันอยู่ที่คนกำหนดกฎเกณฑ์ให้ตำรวจต้องวิ่งต่างหาก การรวมศูนย์แต่งตั้งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นเป็นความผิดมหันต์
อย่าว่าแต่พิจารณาตัวบุคคลเลย บางโรงพักเอ่ยชื่อมายังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดเลย
พล.ต.อ.วินัยมองว่า คนที่ปล่อยภาพนี้เพื่อต้องการให้เห็นถึงบารมีของตัวเองว่า แผ่ไพศาลอย่างไร
ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อตัวเจ้าหน้าที่และองค์ตำรวจ
“ทุกคนวิ่งเต้น แต่คนไม่มีเส้นมานั่งเฝ้าจุด” เสียงสะท้อนประโยคต้นเรื่องเหมือนอยากตะโกนบอกให้ทุกคนได้รับรู้
ชีวิตคนทำงาน ไม่มีอะไรมากกว่าการก้มหน้าก้มตาทำงาน
โดดเดี่ยว เดียวดาย