ผู้พิพากษาแอบน้อยใจ

 

เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสวมบทผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่นานตัดสินใจเบนเข็มชีวิตสอบเป็นผู้พิพากษา

เจ้าตัวร่ายบทความระบายความรู้สึกเมื่อต้องมาเป็นผู้เสียหายแล้วไปแจ้งความ

บางทีแอบน้อยใจตัวเอง

เขาบอกว่า เป็นอดีตตำรวจ เป็นทั้งครูอาจารย์สอนตำรวจจนกระทั่งมาทำงานในตำแหน่งผู้พิพากษา มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นตำรวจหลายคนที่เราสอนมา

ตอนเป็นตำรวจเคยทำงานในตำแหน่งพนักงานสอบสวนหรือร้อยเวร (ร้อยกรรม) มาก่อน ครั้นมาเป็น ตม. ได้สัมผัสกับงานวินัย เคยทำสำนวนวินัยตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือนไปจนถึงไล่ออก ทำคดีปกครองให้หน่วยงานมาหลายคดี

“ลาออกมาเป็นทนายก็ช่วยตำรวจต่อสู้ในคดีอาญาทุจริตมาแล้ว”เขาว่า

กระทั่งมาเป็นผู้พิพากษาก็ไม่เคยดุด่าว่า กล่าวตำรวจด้วยอารมณ์ มายื่นคำร้องจะตอนดึก หรือวันหยุด ไม่เคยบ่น เพราะเราเข้าใจในเนื้องานตำรวจดีว่ายุ่งแค่ไหน คดีไหนจะยกคำร้องก็จดแจ้งเหตุผลอย่างชัดเจนในรายงานกระบวนพิจารณา ไม่เคยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง พร้อมบอกและสอนทำนองครูสอนศิษย์ เพราะตอนเป็นตำรวจ มีพี่นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่เคยสอนไว้

“วันใดเป็นผู้พิพากษาให้สอนเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องดีกว่าดุด่า ประโยชน์จะตกแก่ประชาชน”

จนกระทั่งวันหนึ่งตัวเองมาเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา

“ผมไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปก้าวก่ายในคดี ไม่ว่าจะชั้นไหน ไปแจ้งความในฐานะชาวบ้านคนหนึ่ง แต่ถูกบ่ายเบี่ยงจะไม่ยอมรับ ต้องประสานรุ่นน้องให้ช่วยประสานร้อยเวร (แล้วถ้าชาวบ้านทั่วไปที่ไม่รู้จักใครจะทำอย่างไร) จึงยอมรับและตัดเลขคดีให้”

เขาเตรียมไฟล์เอกสารไปให้ทุกอย่าง เพราะเข้าใจว่า ร้อยเวรงานเยอะจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้ เพียงแค่ก๊อปวางในสำนวน ตามแบบฟอร์มคงใช้เวลาไม่นาน แต่เวลาผ่านไปหลายเดือนไม่เริ่มทำสำนวน จนต้องประสานรุ่นพี่ที่สำนักงานผู้บังคับบัญชาช่วยประสานให้ (อีกแล้วหรือ?)

ผ่านมาจนถึงวันนี้สี่เดือนกว่าเกือบห้าเดือนแล้ว คดียังไม่เสร็จเสียที (ทุนทรัพย์ค่อนข้างมากและยังไม่อายัดบัญชี ยังตามผู้ต้องหามาสอบสวนไม่ได้) ทั้งที่ส่งไฟล์ ส่งหลักฐานทุกอย่างให้ตั้งแต่วันแรกที่แจ้งความแล้ว (ถ้ามีอำนาจทำสำนวนสอบสวนเองได้คงทำไปแล้ว)

ทำหนังสือสอบถามผู้บังคับบัญชาไปก็ไม่ได้รับการตอบกลับมา

“น้อยใจตัวเองนะครับ” เขายอมรับ “เราแก้ปัญหาให้ประชาชนมากมาย ตำรวจมายื่นคำร้องใด ๆ ก็พิจารณาไปตามอำนาจหน้าที่ ตอนเป็นตำรวจ เป็นทนาย ก็เป็นที่ปรึกษาในคดีวินัยให้ ผมถึงไม่อยากร้องเรียนใคร เพราะเข้าใจดีว่าคนโดนวินัยมันเครียดขนาดไหน”

“แล้วเราควรจะทำอย่างไรดี” ท่านผู้พิพากษาตั้งคำถามในใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตำแหน่งหน้าที่ ขนาดเราเป็นนักกฎหมาย รู้ขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ตั้งแต่ชั้นสอบสวนจนถึงชั้นพิจารณา และช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ให้ขนาดนี้

ผ่านมาหลายเดือนยังไม่ถึงไหน แล้วชาวบ้านที่ไม่รู้กฎหมายเลยไปแจ้งความจะต้องรับชะตากรรมเช่นไร

“ฝากพี่น้องตำรวจและลูกศิษย์ผมทุกท่านช่วยตอบผมที”

ทำงานราชการมาสิบกว่าปี เป็นทนายมาหนึ่งปี ไม่เคยร้องเรียนใคร เพราะเข้าใจความรู้สึกดีว่าคนโดนวินัยเขาจะเครียดขนาดไหน แต่ในฐานะผู้เสียหายที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง หากกระบวนการที่มีไม่สามารถตอบคำถามได้ คงจำเป็นต้องฝืนใจ ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่ต่อไป หากใครทำเรื่องไม่ถูกต้อง  ไม่เว้นแม้แต่องค์กรของตัวเอง

คงต้องขอใช้สิทธิในฐานะประชาชนคนหนึ่งสักที

และถ้าตำแหน่งที่มีจะเป็นอุปสรรคขัดขวาง ขอกลับไปเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไร และคงจะไม่ให้ความรู้ทางกฎหมายใด ๆ ในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่อีกต่อไป

“ฝากถามพี่น้องและลูกศิษย์ตำรวจทีนะครับว่า ผมต้องทำอย่างไร”

ป.ล. (แก้ไขโดยพิมพ์ข้อความนี้เพิ่มเติม)

ขอบพระคุณคำแนะนำและกำลังใจจากทุก ๆ ท่านรวมถึงพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่โทรหาครับ จริง ๆ โพสต์นี้มิได้เป็นการหมดหวัง สิ้นหวังใด ๆ กับองค์กร

เพราะมิได้หวังอะไรมากมายอยู่แล้ว

“เพียงแต่หวังให้ทุกคนทำตามหน้าที่ หากวันนี้ผมเป็นทนายความคงฟ้องคดีเองไปแล้ว เพราะเราจัดเตรียมพยานหลักฐานให้ทุกอย่างรวมถึงส่งไฟล์ให้ แต่ติดที่งานราชการมีมาก จึงหวังพึ่งหน่วยงานราชการอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้ ส่วนบางท่านที่บอกว่าเป็นเพียงการกระทำของคนคนเดียว ขอเรียนแบบนี้ว่า เหตุการณ์นี้มีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ใช่แค่คนเดียว เนื่องจากผมไปแจ้งความในฐานะผู้เสียหายมาสองหน่วยงาน คนละคดีกัน ผู้ต้องหาคนละคนกัน  เตรียมไฟล์ เตรียมเอกสารไปให้เหมือนกัน คดีก็ยังไม่ไปไหนเหมือนกันทั้งที่เตรียมไฟล์ไปให้หมดแล้วทั้งสองที่ คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่เสียหายค่อนข้างมาก (เป็นเงินเก็บทั้งชีวิตเมื่อครั้งเป็นติวเตอร์) และผมแจ้งข้อมูลให้อายัดบัญชีตั้งแต่วันที่แจ้งความแล้ว แต่มีคดีหนึ่งที่ยังไม่ได้อายัดเลยจนผ่านมาหลายเดือนป่านนี้ผู้ต้องหาคงยักย้ายทรัพย์สินไปหมดแล้ว เลยต้องตามความคืบหน้า”

นอกจากนี้ยังมีข้าราชการอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องที่มาทำให้คดีเสียหาย

“แต่ผมหยุดและเงียบทุกทาง ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายหรือร้องเรียนใคร ถึงที่สุดแล้วหากความเสียหายปรากฏชัดและไม่มีใครทำอะไร คงต้องร้องเรียนไปตามระเบียบไม่ใช่เฉพาะตำรวจแต่ยังรวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

อดีตตำรวจที่ผันตัวเป็นนักกฎหมายระบายความ

RELATED ARTICLES