พ.ต.ท.ภูมิรพี ผลาภูมิ นายตำรวจนักกฎหมายวิเคราะห์ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย ปี 2565
กำลังจะเพิ่มงานตำรวจ
หลังจากจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 (เมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนที่ 66 ก ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2565)
เริ่มตั้งแต่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้รับผิดชอบ(ผู้ปฏิบัติ) ถ่ายวิดีโอการจับกุม คุมขังจนส่งพนักงานสอบสวน หรือจนปล่อยตัวทุกคดี ไม่ว่า คดีแขวง-จังหวัด
ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้รับผิดชอบ(หัวหน้าหน่วย) แจ้งรายงานการจับกุม คุมขัง ไปอัยการ + อำเภอ(ต่างจังหวัด)หรืออัยการ+นิติการ กรมการปกครอง(กรุงเทพมหานคร )ท้องที่ที่ควบคุมตัว ทุกคดี ไม่ว่า คดีแขวง-จังหวัด
ขณะจับกุมเป็นเหตุซึ่งหน้า ไม่มีกล้อง/มือถือบันทึกวิดีโอจะทำอย่างไร
กำหนดให้หมายเหตุในบันทึกจับกุมได้ครับ ถือว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย”
แต่การไม่บันทึกวิดีโอโดยไม่มีเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้ไม่สามารถทำได้นั้น และการไม่แจ้ง การจับกุม/ควบคุมตัวผู้ต้องหาต่ออัยการ หรือนายอำเภอ แม้พระราชบัญญัติทรมาน-สูญหายไม่ได้กำหนดบทลงโทษไว้
อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีการพิจารณามาตรา 157 และมีความผิดทางวินัยด้วย
ดังนั้นเมื่อบริบทของโลกเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อะไรที่ทำกันเคยชินให้ระวังความผิดพลาด
ยกตัวอย่าง สาระสำคัญ ของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวกำหนดในบททั่วไป
มาตรา 5 ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวด หรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) ให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือคำรับสารภาพจากผู้ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม
(2) ลงโทษผู้ถูกกระทำเพราะเหตุอันเกิดจากการกระทำหรือสงสัยว่ากระทำของผู้นั้นหรือบุคคลที่สาม
(3) ข่มขู่หรือขู่เข็ญผู้ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม
(4) เลือกปฏิบัติไม่ว่ารูปแบบใด
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกระทำทรมาน
มาตรา 6 ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐลงโทษหรือกระทำด้วยประการใดที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ หรือเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายหรือจิตใจที่มิใช่การกระทำความผิดตามมาตรา 5
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
การกระทำตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงอันตรายอันเป็นผลปกติ หรือสืบเนื่องจากการลงโทษทั้งปวงที่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 7 ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐควบคุมตัว หรือลักพาบุคคลใด โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิเสธว่ามิได้กระทำการดังกล่าว หรือปกปิดชะตากรรมหรือสถานที่ปรากฏตัวของบุคคลนั้นซึ่งส่งผลให้บุคคลนั้นไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย การกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นความผิดต่อเนื่องจนกว่าจะทราบชะตากรรมของบุคคลนั้น
มาตรา 8 ผู้ใดกระทำความผิดฐานกระทำทรมานตามมาตรา 5 ความผิดฐานกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามมาตรา 6 หรือความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหายตามมาตรา 7 นอกราชอาณาจักร ต้องรับโทษในราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ โดยให้นำความในมาตรา 10 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้บังคับด้วย
มาตรา 9 การกระทำความผิดฐานกระทำทรมานตามมาตรา 5 และการกระทำความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหายตามมาตรา 7 มิให้ถือว่าเป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความผิดทางการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา
มาตรา 10 ในคดีความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหายตามมาตรา 7 ให้ดำเนินการสืบสวนจนกว่าจะพบบุคคลซึ่งถูกกระทำให้สูญหายหรือปรากฏหลักฐานอันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตาย และทราบรายละเอียดของการกระทำความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
มาตรา 11 ในคดีความผิดฐานกระทำทรมานตามมาตรา 5 หรือความผิดฐานกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามมาตรา 6 ซึ่งผู้เสียหายไม่อยู่ในฐานะที่จะร้องทุกข์หรือกล่าวโทษด้วยตนเองได้ หรือความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหายตามมาตรา 7 ให้สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะของผู้ถูกกระทำทรมาน ผู้ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือผู้ถูกกระทำให้สูญหายตามพระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่กรณีเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย
มาตรา 12 พฤติการณ์พิเศษใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะสงคราม หรือภัยคุกคามที่จะเกิดสงคราม ความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินสาธารณะอื่นใด ไม่อาจนำมาอ้างเพื่อให้การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 13 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะไปตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกกระทำทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือถูกกระทำให้สูญหาย
ท่องเอาไว้ โลกเปลี่ยนไปแล้ว อย่าพลาดท่าพลั้งเผลอ
ลุแก่อำนาจอุ้มใครไปรีดทรมาน หรือทำให้หายไปเหมือนในอดีตไม่ได้แล้ว