ทายาทนายตำรวจมากคุณภาพแห่งตำนานสืบสวนเหนือที่เลือกเดินตามรอยเท้าพ่อ
เค้ก-นรต.ณัฐนรี นาคสิงห์ นักเรียนนายร้อยตำรวจปี 4 ตามโครงการนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นที่ 5 ในประวัติศาสตร์รั้วสามพราน ลูกสาวคนเดียวของ พ.ต.อ.สุรกาญจน์ นาคสิงห์ ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41
เกิดที่กรุงเทพฯ เริ่มเรียนอนุบาลถึงชั้นประถม 6 โรงเรียนจินดานุกูล ก่อนไปต่อมัธยมต้นโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 2 กระทั่งไปจบชั้นมัธยมปลายสายวิทย์-คณิต โรงเรียนหอวัง ความใฝ่ฝันวันเด็กอยากทำงานแอร์โฮสเตสเหมือนแม่ หวังได้เดินทางท่องเที่ยวไปรอบโลก
ระหว่างเรียนชั้นมัธยม 6 กำลังจะถึงทางแยกเข้ามหาวิทยาลัย เธอเล่าว่า มีรับสมัครนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นที่ 5 ด้วยความที่พ่อเป็นตำรวจเลยให้มาลองสอบดู แม่ก็สนับสนุน ถามว่า ตอนแรกตั้งใจหรือไม่ ก็มีบ้าง ยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก รู้แค่พ่อเป็นตำรวจ พอสอบได้ พ่อกับแม่ก็ถามว่า จะเรียนหรือไม่
“เค้กก็อยากจะทำเพื่อคุณพ่อ เพื่อคุณแม่นะ” เจ้าตัวให้เหตุผล “ทั้งที่ความเป็นจริงคุณพ่อ คุณแม่ ก็ไม่ได้บอกว่า อยากให้เป็น แต่เรารู้ว่า ในใจลึกๆ เขาอยากให้เป็นตำรวจ เพราะมองว่า เราเป็นผู้หญิงในสังคมสมัยใหม่ มันลำบาก มีเรื่องโจร มีเรื่องอะไร ถ้าเค้กมาเป็นตำรวจแล้ว นอกจากจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือคนอื่นด้วย มันก็เหมือนที่เค้กเห็นคุณพ่อทำเพื่อคนอื่นมาตลอด อย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว”
นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่น5 ยอมรับว่า เข้ามาอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจจากที่ไม่เคยต้องมาฝึกอะไร ไม่เคยอยู่ในระเบียบวินัย ช่วงแรกก็ต้องเรียบปรับพื้นฐาน เป็นนักเรียนใหม่ 15 วันแรกจะให้เรามาดูก่อนว่า ไหวหรือไม่ ตอนนั้นก็เหนื่อย เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ก็คิดว่า ค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า เราเหมือนกับว่า มีกำลังใจจากทางบ้าน แล้วเพื่อนๆ ก็เหมือนกับเป็นแบบว่า อยู่กันเป็นรุ่น จะคอยช่วยเพื่อนไปด้วยกัน
ลูกสาวอดีตมือสืบสวนหาข่าวความมั่นคงของสืบสวนเหนือบอกว่า เวลามีฝึก มีวิ่ง เพื่อนจะคอยให้กำลังใจ ให้สู้ๆ ไปด้วยกัน รู้สึกว่า บรรยากาศการเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจดีมาก ตอนนี้ปี 4 แล้วก็มองอนาคตอยู่ ถ้าในความคิดคิดว่าจบไปก็ต้องเป็นพนักงานสอบสวนก่อน แต่วางเป้าหมายอาจจะเรียนต่อปริญญาโท ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกลับมาเป็นอาจารย์สอนน้องๆ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
“ ถ้าถามว่าไปอยู่โรงพักก็ชอบ อย่างที่ไปฝึกงานมาตอนปิดภาคเรียน ไปฝึกงานหลายๆ อย่าง ก็ชอบนะ ชอบงานจราจร มันไม่ได้มีแค่โบกรถ ได้ลองกดสัญญาณไฟ เค้กว่า มันสนุกดี ได้เจอคนเยอะๆ ชีวิตของตำรวจ เราก็ซึมซับจากคุณพ่อมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เห็นคุณพ่อทำงานหนักมาก คุณพ่อออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดกว่าจะกลับถึงบ้านก็สี่ทุ่ม สี่ทุ่มกว่าทุกวัน แต่จะยังคอยหาเวลามาอยู่กับครอบครัว ตอนเด็กๆ เค้กก็ยังไม่ค่อยรู้ว่า คุณพ่อทำงานแบบไหน ยังไง พอโตมาก็ค่อยๆ รู้ว่าคุณพ่อเหนื่อยกับงาน แต่ก็ยังพยายามกลับมามีเวลาให้กับครอบครัว ให้กับลูก”
เธอยกพ่อเป็นต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แม้บางครั้งเห็นการเผชิญเส้นทางแต่งตั้งโยกย้ายที่ยากแสนเข็ญ ตัวเธอยืนยันไม่คิดถอดใจ รับรู้มาบ้างจากที่เห็นพ่อทำงานแล้วบางทีไม่ได้ดั่งใจ แต่พ่อก็ไม่เคยเอางานมาพูดในบ้าน ให้คนในบ้านเครียด ที่ผ่านมาพ่อก็สอนอะไรเยอะ สอนหลายๆ อย่าง สอนการใช้ชีวิตมากว่า เราควรวางตัวยังไง ใช้ชีวิตยังไง ดูแลตัวเองยังไง สอนให้มีความคิดที่จะดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลคนอื่นๆ ด้วย ถึงกล้าบอกว่า มีพ่อเป็นไอดอลตำรวจเลย
“เค้กชอบคุณพ่อ รู้ว่า เหนื่อย รู้ว่าโดนด่า เค้กก็ยังอยากเป็น คิดว่า คงไม่มีใครไม่โดนด่า แต่อยู่ที่เรา ถ้าเราทำตัวดี ทำสิ่งที่ดีๆ ให้เขาเห็น ให้เขารับรู้ เค้กเชื่อว่า เขาก็จะมองเราดีขึ้น มันอยู่ที่การทำตัวของเรามากกว่า ว่าเราจะทำตัวยังไง ภูมิใจที่คุณพ่อเป็นตำรวจ และทำงานหนัก”
นักเรียนนายร้อยตำรวจปีสุดท้ายย้ำว่า หลายคนอาจมองว่า นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง อาจจะทำไม่ได้เท่าตำรวจชาย แต่จริงแล้ว ศักยภาพของนายร้อยตำรวจหญิง สามารถทำได้ทุกสายงาน เป็นผู้กำกับโรงพักก็ได้ อนาคตก็อาจเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ ถ้าเขาให้โอกาส เพราะอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจก็ฝึกเหมือนผู้ชายทุกอย่าง แทบไม่ต่างกัน แค่แยกที่นอนกันเฉย ๆ นอกนั้นก็อยู่ฝึก อยู่เรียนเหมือนกันหมด
