“พิงบังคับให้คนที่ชอบพิง เกลียดพิงไม่ได้ และพิงก็บังคับคนที่เกลียดพิงให้ชอบ หรือรักพิงไม่ได้เหมือนกัน”

 

 

ดีตนักข่าวสายตำรวจ สังกัดสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ วิ่งงานสายข่าวอาชญากรรม – ตำรวจ  ถูกยกเป็นสาวที่สวยที่สุดคนหนึ่งในวงการ

ภูพิงค์ พิงคะสัน ปัจจุบันหันหลังอำลาวงการข่าวไปตั้งแต่ปี 2555 เพราะความจำเป็นที่ไม่อยากสู้รบปรบมือกับสิ่งที่ตัวเธอไม่อยากจะแลกด้วย เผชิญมรสุมการปล่อยข่าวลวงทำลายชื่อเสียง เจ้าตัวถึงเลือกเดินจากไปให้เงียบที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปความจริงจะปรากฏให้ทุกคนเห็นเอง

พื้นเพของเธอเป็นคนจังหวัดเชียงราย เกิดและเติบโตที่นั่น ครอบครัวทำธุรกิจนมโรงเรียน ทำไร่ทำนา  นอกจากนี้พ่อยังพ่วงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน เธอจบการศึกษา ชั้นมัธยมจากจังหวัดเชียงราย ก่อนจะเข้ามาเรียนระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสารศาสตร์วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และยังจบปริญญาโท มหาวิทยาลัยหอการค้า คณะนิเทศศาสตร์การตลาด

เจ้าตัวว่า หลังเรียนจบระดับมัธยมก็มุ่งหน้าเรียนต่อด้านสื่อสารมวลชน ไม่ได้สนใจ หรือมองหาคณะอื่นเลย ด้วยใจรักที่อยากจะเป็นนักข่าว ชอบดูข่าว ที่สำคัญต้องเป็นข่าวสายงานตำรวจ ข่าวอาชญากรรมเท่านั้น ทุกครั้งที่ติดตามข่าวสารจากหน้าจอเราจะมีคำถามอยู่ในใจเสมอ คือ อยากรู้ว่าจะยังไงต่อ อยากจะลงไปถามสืบค้นด้วยตัวเอง  กระทั่งได้มาเรียนในสายที่เราชอบ ยิ่งสนุก และอยากจะทำผลการเรียนให้ดีที่สุด

“มีโอกาสฝึกงานที่ TNN24 ก็เลือกขอฝึกทางด้านข่าวอาชญากรรม ยิ่งได้ลงพื้นที่กับพี่ๆที่คอยสอนที่คอยฝึกงานให้ยิ่งมั่นใจว่า นักข่าวอาชญากรรมนี่แหละ คือ สิ่งที่เราอยากทำ และทำให้เรามีความสุขมากที่สุด งานข่าวอาชญากรรม มีเสน่ห์มากๆ เป็นงานที่หยุดนิ่งไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ หรือหมายข่าวต่างๆจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยิ่งข่าวสืบข่าวเจาะยิ่งน่าค้นหามากๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ และได้ความรู้ตลอดเวลา เรียกได้ว่าตกหลุมรักอาชีพนี้ตั้งแต่เด็กๆค่ะ”

แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับมรสุมในอาชีพจนต้องโบกลาจากอาชีพที่รัก ภูพิงค์บอกว่า ความจริงไม่อยากกล่าวถึง เพราะมีความจำเป็นบางอย่าง ตัดสินใจเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทางครอบครัวฟัง พ่อ-แม่ เป็นห่วงและเชื่อได้ว่าลูกสาวคนเดียวไม่สามารถต่อสู้กับอะไรแบบนี้ได้ ถูกป้ายสีโดยคนที่จ้องจะทำลาย แต่ไม่เคยอาฆาตแค้นหรือคิดจะเอาคืน ปล่อยให้เขาพูด ทำในสิ่งที่อยากจะทำ เราแค่เดินออกมาให้ห่างจากคนพวกนี้ วันหนึ่งความจริงจะปรากฏชัดเอง

” ก่อนตัดสินใจลาออก นั่งทบทวนกับตัวเองอยู่นานมาก แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการตัดสินใจของพิงคนเดียว คนในครอบครัวก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นด้วย เพื่อความสบายใจของที่บ้าน ตัดสินใจหันหลังให้กับสิ่งที่ใจรัก ช่วงก้าวออกมายอมรับว่าตั้งหลักอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ระหว่างที่ตัวตนเราหายไป พิงยังคงใช้ชีวิตปกติโพสต์รูปข้อความบนโลกโซเชียล พี่ๆในวงการสื่อเห็นความเคลื่อนไหว หลายคนมาชวนกลับไปทำข่าว กลับเข้าไปใช้ชีวิตเป็นนักข่าวอาชญากรรม-ตำรวจอีกครั้ง  แต่พิงรู้สึกว่า อุดมการณ์กับชีวิตจริงมันสวนทางกัน เงินเดือนจากการเป็นนักข่าวไม่สามารถทำให้ครอบครัวพิงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ พิงรักครอบครัวมากกว่าความฝันของตัวเอง การตัดสินใจในแต่ละเรื่องจึงต้องมีสติ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้ไม่มีเรื่องราวแย่ๆมากวนใจ สักวันพิงก็ต้องเลือกออกจากวงการข่าวอยู่ดี เลือกที่จะเดินจากมาด้วยความเสียใจและเสียดาย”

ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมาสิ่งที่เธอคิดว่า ปัญหายิ่งใหญ่ และลำบากมากที่สุด คือ การก้าวให้ข้ามผ่านปัญหาต่างๆด้วยสติ การแก้ปัญหาในแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอเชื่อว่าเวลา และสติจะช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้น  ในส่วนที่หลายคนรอบข้างอาจมองเธอในแง่ร้าย หรือฟังในคำพูดของคนอื่น เชื่อในลมปากที่ไม่ได้มาเห็นกับตา ตรงจุดนี้เธอบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พิงบังคับให้คนที่ชอบพิง เกลียดพิงไม่ได้ และพิงก็บังคับคนที่เกลียดพิงให้ชอบหรือรักพิงไม่ได้เหมือนกัน พิงไม่รู้จะแก้ตัวเพื่ออะไร ไม่มีประโยชน์  พิงเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้จริงๆ ใครคิดยังไงก็เรื่องของเขา ส่วนตัวพิง พิงรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ความจริงก็คือความจริง คำพูดคนไม่มีผลกับชีวิตพิง การใส่ร้ายโจมตีจะย้อนกลับไปหาผู้พูดเองเมื่อถึงเวลาอันสมควร ไม่รู้จะไปตอบโต้ เผชิญหน้าหรือทะเลาะทำไม ชีวิตมีอย่างอื่นให้ทำอีกมากค่ะ ”

ทุกครั้งที่เธออยากหันหลังให้กับปัญหาที่แก้ไม่ได้ การให้อภัยเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทำให้เธอสงบนิ่งที่สุด เธอเชื่อว่าเวลา และเรื่องกฎแห่งกรรม มันจะทำหน้าที่ของมันเอง ประหนึ่งเป็นยารักษาที่ดีที่สุดของเรา ไม่ไปแก้แค้น หรือแก้ไขอะไรใดๆ เพราะถึงที่สุดแล้วคนทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น  “เคยมีกระแสว่า พิงไปฮ่องกงปล่อยมาก มองว่า พิงต้องไปทำอะไรไม่ดีแน่ อยากจะบอกว่า คิดผิดให้คิดใหม่ดีกว่า เดี๋ยวนี้ตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงถูกมาก พิงบินไปซื้อกระเป๋าตามออเดอร์ลูกค้า คือ โพสต์รูปตัวเองกับกระเป๋าแบรนด์หน้าเฟชบ่อยๆ ใครติดตามก็คงเห็น เหนื่อยจะพูด เพราะพูดไปไม่มีใครเชื่อ ใครจะคิดไงก็ปล่อยเขา”

“ทุกครั้งที่พิงเจอปัญหาชีวิต ก็จะตั้งสติดีๆ และก็หันหน้าพึ่งสติของตัวเอง ถ้าหนักมากๆจนทนไม่ไหวก็นั่งร้องไห้ ร้องให้พอเท่าที่จะมีน้ำตา ร้องไห้เสร็จก็ปาดน้ำตา เพราะถ้าไม่ปาดน้ำตา เดี๋ยวมองทางข้างหน้าไม่เห็น” อดีตนักข่าวสาวสวยหัวเราะ เธอว่า ลาออกจากอาชีพนักข่าวไปทำธุรกิจอาหารเสริมช่วง 2 ปีแรกผลตอบรับค่อนข้างดีมาก พอทำไปสักพักตลาดไทยมันตัน คนมาเป็นเจ้าของธุรกิจเองค่อนข้างเยอะ พวกอาหารเสริม ยาบำรุงเกลื่อนหมด คิดว่า ตลาดในไทยไปต่อยากมาก เลยเปลี่ยนส่งออกไปทำตลาดในจีน ตอนนี้เพิ่งเริ่มส่งไป ส่วนในไทยนี่หยุดไปก่อน เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จะลงทุนอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง เพราะเราไม่ใช่คนร่ำรวย เงินทุกบาทมีค่ามาก

ถามว่า ชีวิตเปลี่ยนไปไหม เธอรับว่า เปลี่ยนไปมาก งานข่าว การทำข่าวอาชญากรรม-ตำรวจ เป็นสิ่งที่ใจรักที่สุดในชีวิต ไม่มีงานไหนที่เราจะรักได้เท่านี้อีกแล้ว รู้สึกภูมิใจและรักในความเป็นนักข่าวภาคสนามสายข่าวอาชญกรรมมาก ทุกวันนี้มีหลายคนโทรมาชวนให้กลับไปทำ แต่เราเดินมาไกลแล้ว มีภาระหน้าที่ มีธุรกิจต้องสานต่อ หากกลับไปทำงานข่าว ต้องมีเวลาทุ่มเทกับงานแทบจะ 24 ชม. ไม่ได้กระดิกไปทำอย่างอื่น ถ้ามีเงินเก็บสัก 50 ล้าน อาจกลับไปทำข่าว อยากมีเงินก่อน อยากมั่นใจว่า ครอบครัวเราจะมั่นคง เรามีเงินเลี้ยงดูยามพวกเขาแก่เฒ่าได้ “พิงคิดว่า ชีวิตเกิดมาไม่มีอะไรสำคัญกว่าครอบครัวแล้ว หวังไว้สูงสุดเท่านี้จริงๆ บินเท่าที่บินไหว บินสูงแค่ไหนเป้าหมายก็มีเพียงคนในครอบครัว ”

ด้วยหน้าที่การงานปัจจุบันทำให้ห่างเหินจากวงการสื่อสารมวลชน เธอระบายความรู้สึกว่า  คิดถึงมาก คิดถึงบรรยากาศ คิดถึงพี่ๆนักข่าว พี่ๆช่างภาพทุกคน ช่วงเวลาหลายปีที่เราเคยทำงานร่วมกันเคยช่วยเหลือกันตอนวิ่งทำข่าว ทั้งต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ คือ มิตรภาพ ความทรงจำที่ดีที่สุดของเรา ตอนนี้วงการข่าวเปลี่ยนไปตามยุคสมัย การแข่งขันสูงมาก คงต้องขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนพี่น้องทุกคนในการทำงาน เช่นเดียวกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เป็นตำรวจทุกนาย ยุคนี้ต้องอดทนมากๆ จากแรงกดดันหลายด้าน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน อย่าลืมว่า อาชีพตำรวจมีคนจับตามองเยอะความผิดพลาดมันส่งผลเสียเป็นวงกว้าง ทำอะไรต้องคิดทบทวนดีๆ

“พิงเคยสัมผัสตำรวจสืบสวนสอบสวนค่อนข้างบ่อยกว่าตำรวจสายงานอื่น  ส่วนมากที่เจอ จะตั้งใจทำงานจนบางทียังแอบคิดไปเองเลยว่า เหนื่อยเกินไปหรือไม่ ตำรวจบางนายมีความเสียสละ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ตำรวจเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเวลามากกว่าอาชีพอื่น แล้วก็โดนด่ามากที่สุดด้วย น่าเห็นใจ อยากให้ทุกคนแยกแยะ เพราะไม่ใช่ตำรวจทุกคนที่จะเป็นคนไม่ดี ต้องมองให้หลายๆด้าน และหลายๆมุม” สาวเชียงรายแสดงความเห็น

“สุดท้าย พิงขอขอบคุณทุกกำลังใจในวันที่ต้องเผชิญกับปัญหา บทเรียนจากความไว้ใจที่พิงได้รับในอดีต วันนี้ทำให้พิงเข้มแข็ง อดทน กล้าที่จะเผชิญกับทุกปัญหา ขอบคุณอาชีพนักข่าวสายอาชญากรรม-ตำรวจ ที่ทำให้มีความสุข ภูมิใจที่เคยได้ทำอาชีพนี้ ขอบคุณมิตรภาพดีๆจากพี่ๆ ตำรวจ จากแหล่งข่าวทุกคนที่ยังคงอยู่ ขอบคุณพี่นักข่าวทุกคนที่ไม่เคยลืมพิง”

 

 

RELATED ARTICLES