สืบสวนภูธรภาค 3 ปิดแฟ้มสำคัญ 2 คดีรวด

พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3  พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 3 นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดทุกมิติ  ทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ ตลอดจนสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นในให้สัมฤทธิ์ผลตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ต่อมา พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และ พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 มอบหมาย พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พ.ต.ต.วิสุทธิพงศ์ พื้นแสน สารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พ.ต.ต.สมพร ทองประดับ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 3 ปิดล้อมขยายผลจากการจับกุมนายประสพโชค หรือเอ็ดดี้ ชัยนอก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ เป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดฝั่งประเทศลาวที่มี น.ส.วิศา หรือยุ้ย พรมพินิจ ภรรยาทำหน้าที่ทางการเงิน หลังจากสามีถูกจับกุม และสวมบทเป็นผู้สั่งการและติดต่อซื้อขายยาเสพติดแทน

หลังจากนั้นได้ตรวจค้นบ้านพักของเครือญาติที่ใช้เป็นสถานที่มั่วสุมยาเสพติดและเก็บซุกซ่อนยาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้านโนนเสี้ยวหมู่ 14 ตำบลโนนจาน อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ น.ส.วิศา หรือยุ้ย พรมพินิจ นายธนาวุฒิ หรือเหรอ ขุนสุนทร ทำหน้าที่ไปรับยาเสพติดมาซุกซ่อนรอส่งให้ลูกค้า และจับกุมนายพงษ์ศักดิ์หรือแข่ว ชัยลิ้นฟ้า อายุ 34 ปี  บริเวณร้านซ่อมรถเลขที่ 23 ถนนโคกสูง2 ตำบลบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา นำไปสู่การจับกุมนายเกอร์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เฝ้ารักษายาบ้าให้เครือข่ายดังกล่าวยึดของกลางยาบ้า  21,000 เม็ด  ตรวจยึดทรัพย์สินที่ เกี่ยวของในคดีจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 3,017,000 บาท

อีกคดี พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3  พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นำกำลังประสาน พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี  พ.ต.อ.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยในปัจจุบัน

กระทั่ง พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3  พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี กับพวกจับกุมผู้ต้องหาชาวไทย 2 รายเป็นชาวอุบลราชธานี ร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำในแต่ละขั้นตอน เริ่มจากขั้นตอนการติดต่อกับนายหน้าชาวลาวเพื่อจัดหาชาวจีนที่ต้องการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาในไทยตามช่องทางธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ตะเข็บชายแดนไทย – ลาว จัดหารถยนต์เพื่อลักลอบนำคนจีนไปส่งยังพื้นที่ทางตอนเหนือของไทยโดยเฉพาะอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และลักลอบข้ามชายแดนไทยออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป การเดินทางแต่ละครั้งจะมีการใช้รถอย่างน้อย 2-3 คัน ทำหน้าที่เป็นส่วนล่วงหน้า ขนคนจีน และปิดท้ายเพื่อส่งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้ทุกคันทราบตลอดระยะเวลาในการเดินทาง

ผู้ร่วมกระทำความผิดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครือญาติ และคนในหมู่บ้านเดียวกัน แบ่งเงินค่าจ้างขนคนจีนในแต่ละครั้งหลายหมื่นบาทต่อคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่องจนพบว่า เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการเตรียมขนคนต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาในราชอาณาจักรอยู่ที่บริเวณอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ไปถึงหน้าจุดบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทรัพย์ไพรวัลย์ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ก่อนประสานงานตำรวจทางหลวงสกัดรถขนต่างด้าวได้ยกแก๊งจำนวน 4 คน  พร้อมชาวจีนหลบหนีเข้าเมือง 3 ราย  สัญชาติคาซัคสถานอีก 1 คน

RELATED ARTICLES