ขอใบ ป.3 ยังมีบางอำเภอทำดื้อแพ่ง

 

ขอว่ากันต่อถึงเรื่องปืนโครงการจัดหาอาวุธปืนเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจที่กำลังกลายเป็น “ประเด็นร้อน” ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองผู้มีอำนาจออกใบขออนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) กับข้าราชการตำรวจผู้ยื่นคำร้องขอ

งานนี้ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง ลงมาจัดการแก้ปัญหาทันที ออกหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด

เรื่องเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจในการขอใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) ตามที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งให้จังหวัดกำชับนายทะเบียนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิซื้ออาวุธปืนตามโครงการจัดหาอาวุธปืนสั้นเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจที่มายื่นคำร้องขอใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3)ต่อนายทะเบียนท้องที่

ปรากฏตามข่าวสารออนไลน์และมีข้าราชการตำรวจผู้เข้าร่วมโครงการได้ร้องเรียนมายังผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยในหลายกรณีความว่า มีการประวิงเวลา ดำเนินการล่าช้าเกินสมควร พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด

ตลอดถึงการเรียกรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อแลกกับความรวดเร็วในการขออนุญาต

กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติกรรมตามคำร้องเรียนเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อความเป็นข้าราชการและส่อไปในทางทุจริต จึงให้จังหวัดสั่งกำชับนายทะเบียนและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการอนุญาตขออาวุธปืนในทุกระดับ ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ดังนี้

1.ในการตรวจสอบคุณสมบัติให้เป็นไปตามมาตรา 13 โดยเคร่งครัด ห้ามพิจารณาเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด เช่น เรียกใบรับรองแพทย์ เรียกใบรับรองทดสอบสมรรถภาพการใช้ปืน

2.ข้าราชการตำรวจมีสถานภาพความเป็นข้าราชการ อันเป็นหลักประกันในด้านคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในมาตรา 13 (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) เมื่อผู้บังคับบัญชาขอข้าราชการตำรวจได้รับรองความประพฤติอันเป็นการรับรองคุณสมบัติตามมาตรา 13 (9)และหนังสือรับรองความประพฤติเช่นว่านี้ยังเป็นหลักประกันว่า ข้าราชการตำรวจผู้ยื่นคำขอยังคงมีสถานภาพเป็นข้าราชการโดยสมบูรณ์ ดังนั้น นายทะเบียนจึงไม่ต้องดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติด้วยวิธีการใด ๆ เพิ่มเติมอีก ทั้งนี้เป็นไปตามข้อ 6 ของหลักการพิจารณาอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่อ้างถึง 2

3.หากนายทะเบียนและเจ้าหน้าที่รายใดทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้อ 1 และข้อ 2 หรือมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต ให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏความชัดแจ้งทุกรายไป เพื่อจักได้ดำเนินการเอาผิดทางวินัยและทางอาญาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

4.เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในการบริหารของข้าราชการและบุคลากรกรมการปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ในการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ซึ่งกรมการปกครองได้มีประกาศกรมการปกครอง เรื่อง นโนบายคุณธรรมและความโปร่งใส ตามที่อ้างถึง 3 นั้น จึงกำชับให้ข้าราชการและบุคลากรกรมการปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ยึดถือปฏิบัติคู่กับกฎ ระเบียบ และข้อบังคับ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ความซื่อสัตย์ มีคุณธรรมปราศจากการทุจริต อันเป็นเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ด้วย และขอให้พึงระมัดระวังกิริยาวาจาในการให้บริการประชาชน รวมทั้งให้ชี้แจงขั้นตอนการพิจาณาอนุญาต อนุมัติ ในเรื่องนั้นให้ประชาชนผู้มาติดต่อเกิดความเข้าใจในการพิจารณาโดยกระจ่าง

หลังจากคลอดคำสั่งออกไป อธิบดีกรมการปกครองได้ออกคำสั่ง “เชือด” นายอำเภอแห่งหนึ่งให้ไปช่วยราชการที่กรมการปกครอง

แต่ก็ยังมีบางอำเภอที่ “ปลัดดื้อแพ่ง” ทำหนังสือขอความร่วมมือตรวจสอบประวัติ “ตำรวจ” ไปถึงผู้กำกับโรงพัก

ขอความอนุเคราะห์จากท่านพิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมตรวจสอบประวัติเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตมีและใช้อาวุธปืน

ผลเป็นประการใดรายงานให้อำเภอทราบด้วย

ไม่รู้ป่านนี้ท่านอธิบดีกรมการปกครองทราบหรือยัง !!!

RELATED ARTICLES