“คนตายหนูไม่กลัวหรอก หนูกลัวคนเป็น”

 

นข่าวอาชญากรรมรุ่นใหม่ที่มีใจมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค

“เนย”ศิรัณพร มูลอุทก สาวหนองคาย ย้ายเข้ากรุงมาอยู่กับป้า และพี่สาวเขาเรียนมัธยม 4 โรงเรียนวัดสังเวช ความฝันวัยเยาว์อยากเป็นนางพยาบาล พอโตขึ้นหน่อยกลับอยากสวมบทตำรวจหญิง เพราะเห็นเครื่องแบบพกปืนแล้วรู้สึกเท่ดี

กระทั่งอยู่มัธยม 6 เห็นสายสวรรค์ ขยันยิ่ง อ่านข่าวอยู่ไอทีวีแล้วทึ่งเลยถามป้าว่า ต้องเรียนอะไรถึงเป็นแบบนั้นบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง ป้าแนะว่า ต้องไปเรียนวารสารศาสตร์ เธอจึงดั้นด้นโผล่เข้ารั้วแม่โดมทันที ทั้งที่ไม่รู้จักใครเลย

“หนูอยากรู้มากว่า คณะวารสารศาสตร์มันเป็นยังไง ต้องเรียนแบบไหน ใครใส่ชุดนักศึกษาเดินมาก็เข้าไปถามหมด หวังอยากจะเรียนจริงจัง แต่พอสอบกลับไม่ได้” เนยย้อนลำดับเรื่องราวของตัวเอง เด็กสาวบอกว่า ไปสอบติดคณะบัญชี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พี่สาวก็อยากให้เรียน แต่เธอไม่เอา เพราะอยากเรียนเกี่ยวกับวารสารมากกว่า เริ่มมีความคิดอยากจะเป็นนักข่าวแล้ว ป้าก็เลยบอกไม่เป็นไร สวนดุสิตก็ได้ใกล้บ้านด้วย

สุดท้ายสาวหนองคายตามฝันสมใจสมัครสอบเข้าเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ แขนงวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เก็บเกี่ยวความรู้วิชาสื่อมวลชนเต็มตัว แถมเคยไปฝึกงานกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สัมผัสเหตุการณ์มากมาย แต่ยังไม่ถึงกับใหญ่มากจนอยู่ปี 4 ต้องหาที่ฝึกงานข่าวตามหลักสูตรอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เนยเล่าว่า ตอนแรกไปยื่นขอฝึกงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แต่ไม่ได้ เขาไม่รับผู้หญิง เพื่อนเลยชวนฝึกที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เครือเดอะเนชั่น เลือกฝึกสายข่าวอาชญากรรมนาน 3 เดือน ตอนนั้นฝึกทำข่าวหนังสือพิมพ์ คิดไว้แต่แรกอยู่แล้วว่า จะฝึกทำข่าวอาชญากรรม หรือไม่ก็กีฬาไปเลย ไม่ชอบการเมือง ส่วนบันเทิงก็ไม่ใช่ตัวเรา พอไปยื่นขอฝึกโต๊ะข่าวอาชญากรรมเขาก็เปิดโอกาสให้ทันที

คนข่าวสาวโชคดีเมื่อได้ลงสนามจริงไปกับนักข่าวรุ่นพี่มากประสบการณ์หลายคน อาทิ นพดล ศรีทวีกาศ มณเฑียร อินทะเกตุ และได้ปรีชา สอาดสอน บรรณาธิการข่าวอาชญากรรม คอยเป็น “ติวเตอร์” ให้ทำจริง เขียนจริง เป็นเหตุให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตนักข่าวจริง ๆ ตั้งแต่ตอนฝึกงาน “ถามว่า มาเลือกฝึกข่าวอาชญากรรมไม่กลัวหรือ กลัวอะไรล่ะ คนตายหนูไม่กลัวหรอก หนูกลัวคนเป็น คนเป็นสามารถทำอะไรเราก็ได้ แต่เรื่องของวิญญาณหรือผี หนูไม่รู้ หนูไม่เคยเจอ เจอแต่ศพ ผีกับศพเหมือนกันหรือเปล่า สำหรับหนูมันต่างกันนะ” เธอให้เหตุผล

หลังฝึกงานจบเท่ากับเรียนจบปี 4 จ่อคิวรับปริญญาตรีเป็นดีกรีติดตัว เนยก็ได้รับข่าวดี เมื่อมีพี่ที่คมชัดลึกเรียกให้ไปลองทำงานดู เพราะเห็นฝีไม้ลายมือและหน่วยก้านน่าจะเสริมคมให้แก่หนังสือพิมพ์หัวสีย่านบางนาได้  เธอบอกว่า เริ่มต้นทำหนังสือพิมพ์ และทีวีในเครือเดอะเนชั่นไปด้วยพร้อมกัน ตอนแรกทำในตำแหน่งของพนักงานวิทยุ คอยฟังแล้วเขียนข่าวไปด้วย ไม่ได้ฟังเฉย ๆ ฝึกเขียนข่าวไปในตัวด้วย จังหวะเขาเปิดเว็บไซต์พอดี มีคลิปวิดีโอ เลยได้ไปฝึกตัดต่อ

“มีอยู่วัน คุณสุทธิชัย หยุ่น เห็นแล้วเข้ามาทักว่า น้องมาทำอะไร หัวหน้าปรีชาแนะนำว่า หนูช่วยทำงานป้อนในเว็บไซต์  คุณสุทธิชัยบอกว่า ทำเว็บไซต์แล้วทำไมไม่ทำออกทีวีไปด้วย เขาเลยให้ไปฝึกทำทีวีจริงจัง ทำสกู๊ปตอนละ 3 นาทีส่งเนชั่น ทีวีด้วย เริ่มจากตรงนั้น ทั้งตัดต่อ ลงเสียงเองหมด พัฒนาขึ้นเรื่อย มี พี่กนก รัตน์วงศ์สกุล พี่ธีระ ธัญไพบูลย์ ช่วยเทรนให้อีก ให้โอกาสหนู เริ่มมาเรื่อย ๆ กระทั่งมีรายการทำเอง ไปช่วยทำรายการระวังภัยที่เปิดมาก่อนหน้า 3-4 เดือน ตอนนั้น มีหนูคนเดียวเป็นตัวหลัก  ตั้งแต่นัดแหล่งข่าวสัมภาษณ์ เอามาตัดต่อ ลงเสียง เป็นรายการเกี่ยวกับภัยใกล้ตัว ลักวิ่ง ชิงปล้น ตามสัมภาษณ์เหยื่อ และตำรวจ ในแนวทางการสืบสวน ใครร้องเรียนมาเราก็ไปทำ ต่อยอด”

เธอบอกอีกว่า ปัจจุบันรายการระวังภัย พัฒนาขึ้นเป็นสถานีข่าวระวังภัย มีทีมงานเยอะขึ้น ส่วนตัวเองยังได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ป้อนข่าวให้ช่อง 5 ในรายการฮาร์ดคอร์ข่าว ทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ 6 โมงเย็น

ประสบการณ์งานข่าวที่ผ่านมา สาวเนยยังมีส่วนช่วยเหลือผู้เสียหายในการติดตามทรัพย์สินที่สูญหายไปกลับคืนสู่เจ้าของสำเร็จ หลังจากนักธุรกิจสปาคนไทย แต่ไปทำงานที่เยอรมัน กลับมาท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิแล้วลืมกระเป๋าไว้ที่รถเข็น มีเครื่องเพชร และเงินสดมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท นักข่าวสถานีระวังภัยเล่าว่า เขาโทรมาร้องเรียน เราก็ไปตาม สมัยนั้นยังเป็นสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ สมุทรปราการ ไปตามจนได้กระเป๋าคืน กลายเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ของสนามบินเป็นคนเอาไป เราตามตั้งแต่ต้น พาผู้เสียหายไปหาตำรวจ ดูกล้องวงจรปิด จับภาพของลุงคนหนึ่งเก็บกระเป๋าได้ แล้วหิ้วเข้ามาคืนในสนามบิน

“ตอนแรกตำรวจเหมือนไม่ยากทำ คิดว่าคงไม่ได้คืนแล้ว หนูก็จี้ว่า มันน่าจะมีหลักฐาน มีกล้องวงจรปิดนะ เพราะในสนามบินก็เยอะ สุดท้ายไปเจอภาพลุงหิ้วกระเป๋ามา ไปถามประชาสัมพันธ์ ก็โยนว่า ลุงคนนั้นน่าเป็นคนเอาทรัพย์สินทุกอย่างไป คืนมาแต่กระเป๋า ตำรวจรับฟังแล้วนำมาวิเคราะห์กันว่า หากเป็นโจรจริง ๆ น่าจะเอาไปทั้งกระเป๋า ก่อนแกะรอยหาลุงคนนี้ว่า อยู่ที่ไหน ทราบต่อมา เป็นคนขับรถตู้ มีทะเบียนรถ รู้ว่า อยู่นครราชสีมา เลยไปตามมา”

“ลุงแกยืนยันว่า คืนให้ประชาสัมพันธ์คนนั้นไปหมด ไม่ได้เอาทรัพย์สินอะไรไปเลย ตำรวจเรียกประชาสัมพันธ์สนามบินมาสอบอีกรอบ แล้วพาไปค้นห้องถึงเจอทองและเครื่องเพชร แต่เงินราว 7 หมื่นบาทไม่เจอ ทองบางส่วนก็ขายไปให้พ่อแม่สร้างบ้าน ได้เพียงบางส่วนคืนมา เป็นงานที่หนูภูมิใจมาก เจ้าของกระเป๋าก็ขอบคุณ ถ้าไม่ได้ทีมงานระวังภัย ตำรวจก็คงนิ่งเงียบไม่สนใจ”เนยระบายความรู้สึก

ทำงานครบ 3 ปี เด็กสาวยอมว่า วงการนี้สนุก แต่ตัวเองยังรู้สึกว่า ไม่อิ่ม ยังมีอีกเยอะที่เราต้องทำต้องหา มันเป็นอาชีพที่คุ้ม ได้รู้จักคนเยอะ ถ้าอาชีพอื่นอาจไม่ต้องมาเจอคนเยอะขนาดนี้ อย่างน้อยมันคือประสบการณ์ อนาคตอยากทำข่าวจนรู้สึกว่า ตัวเองอิ่ม ไม่อยากจะเสพมันแล้ว ไม่อยากจะไปรู้เรื่องโน้นเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ไม่รู้วันไหน

ถึงอย่างไรก็ตาม วันนี้เธอจำใจต้องอำลาบ้านเก่า ก้าวสู่ความท้าทายหาประสบการณ์ใหม่ หลังโชว์ผลงานเข้าตาแมวมองเลยถูกทาบทามดึงตัวย้ายค่ายไปเป็นนักข่าวโทรทัศน์สังกัดช่อง 7 สี

คงจับตาดูเส้นทางคนข่าวสาวน้องใหม่ของค่ายหมอชิตรายนี้ต่อไป

RELATED ARTICLES