เป็นเวลากว่า 31 ปีแล้วที่ “สนามยิงปืนวังกานนท์” ก่อตั้งตามคำสั่งกองปราบปราม ที่ 40/2529 ยุคสมัย พล.ต.ต.บุญชู วังกานนท์ เป็นผู้บังคับการกองปราบปราม
เป็นสนามยิงปืนสั้นมาตรฐาน สร้างขึ้นบริเวณอาคารสถานที่ของกองปราบปราม ซอยโชคชัย 4 ถนนลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ข้าราชการตำรวจทั้งใน และนอกสังกัดกองปราบปรามใช้ประโยชน์ในการฝึกฝนการใช้อาวุธประกอบการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
เป็น “ความหวังที่ตั้งมั่นไว้” ของนายพลมือปราบคนดัง
ที่เจ้าตัวระบายเรื่องราวในครั้งนั้นว่า
พ.ศ. 2529 คงเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ช่วงชีวิตของแต่ละคนนั้นมีน้อย จำกัด ไม่ยืนยาวดังใจปรารถนา ร่างกายของเราไม่สามารถจะทนทานได้ดังเครื่องจักรกลที่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ ได้ เมื่อใช้งานมานานและชำรุดทรุดโทรม ยิ่งนานวันเราก็จะมีความรู้สึกยิ่งขึ้นทุกทีว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราควรจะทำ
แต่เรามักจะนึกอยู่เสมอว่าถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ ถ้าเรามีกำลังแข็งแรงยิ่งกว่านี้ ถ้าเรามีอำนาจหน้าที่มากกว่านี้ เราจะสร้าง เราจะทำทุกอย่างที่เราตั้งใจไว้ให้ได้และให้ดียิ่งกว่านี้ แต่เราก็คงทำมากกว่านี้ไม่ได้เพราะเวลาก็ดี ความทนทานในร่างกายของมนุษย์ก็ดี อำนาจหน้าที่ของเราก็ดี ย่อมมีขีดขั้นขอบเขต เป็นการยากที่เราจะยืดเวลาจะเพิ่มพูนความแข็งแรงในร่างกายของเรา จะคงไว้ซึ่งอำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุของเรามากแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็เหลืออีกวิธีเดียวคือ “การทำงาน”
ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงการทำงานของตัวเองสักเล็กน้อย ข้าพเจ้าทราบว่าการพูดถึงตัวเองนั้น เป็นของไม่ดี แต่ก็หวังว่าคงไม่คิดเป็นการอวดดีวิเศษ สิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวนี้ เรา-ท่านทั้งหลายที่ทำงานต่างก็มีเหมือนกัน คือ ‘การสร้างสนามยิงปืนในบริเวณที่ทำการกองปราบปราม’ เป็นความหวังที่ตั้งมั่นไว้อันหนึ่งของข้าพเจ้า และที่มาของความหวังนี้คือ
เมื่อแรกข้าพเจ้าเป็นนายตำรวจใหม่ๆ แต่งเครื่องแบบเข้าร้อยเวร คาดอาวุธปืนพกที่บั้นเอวรู้สึกตนเองว่า สง่างาม ต่อมาได้คิดว่า ความสง่างามนั้นมีพิษภัยซ้อนอยู่มหันต์ แม้กฎหมายจะให้อำนาจแก่เรา แต่เราก็มิได้มีอำนาจเหนือกฎหมายกว่าผู้ใด เราจะต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนคนอื่นๆ เมื่อเรายิงคนตาย แม้จะปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเราทำเพื่อตน หรือเพื่อผู้อื่นให้มีชีวิตรอด โอกาสที่จะเป็นผู้ต้องหานั้นจึงมีตลอดเวลา เพราะเราเป็นผู้อาวุธ และรักษากฎหมาย ทำงานตั้งแต่เช้า จรดเย็น จรดกลางคืน ทั้งวัน หรือทุกวันไม่เว้นวันหยุด โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่ทำให้อาชญากรรมสูงขึ้นพร้อมกับความเหี้ยมโหดของอาชญากร
คำถามจึงมีว่า เมื่อใดเราควรจะชักอาวุธปืนออกมา เมื่อใดเราควรจะให้อาวุธปืนยิง
คำตอบก็คือ จนกว่าจะแน่ใจมั่นใจว่าเรารู้วิธีการใช้อาวุธปืน และการใช้นั้นเราทำเพื่อตน หรือทำเพื่อผู้อื่นให้มีชีวิตรอดเท่านั้น ถ้าผู้ใช้มีความรู้เรื่องปืน แต่ไม่เคยใช้อาวุธปืนเลย ความผิดพลาดต้องมีแน่ การฝึกฝน ประกอบประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ
ตัวอย่างตำรวจจราจรบนท้องถนน ยืนห้ามรถโดยไม่เคอะเขิน แต่ถ้าเป็นเราท่านไม่เคยปฏิบัติ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้ การใช้อาวุธปืนก็เช่นกัน การตัดสินใจเหนี่ยวไกปืนแต่ละครั้ง ผู้ชำนาญ ยังเล็งแล้วเล็งอีก ผู้ใช้ปืนที่ดีจึงต้องมีการฝึกฝน
เมื่อข้าพเจ้ามาอยู่กองปราบปรามหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติมากมายทั่วราชอาณาจักร ในฐานะหัวหน้าหน่วย ข้าพเจ้าอยากเห็นกองปราบเสมือนเอฟบีไอ ของอเมริกา ซึ่งเคยรับฟังบอกเล่ามาว่ามีพร้อมทุกอย่าง ในด้านเทคนิค-เครื่องมือในด้านสถานที่ฝึกฝน โดยเฉพาะสนามยิงปืนซึ่งมีทั้งในที่ร่ม ที่แจ้ง มีการฝึกซ้อม ทั้งกลางวัน กลางคืน ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่จึงมี
แท้จริงแล้วเรา-ท่านทั้งหลาย มิได้ด้อยกว่าชาวเอฟบีไอ เพียงแต่เราขาดปัจจัยในการปรับปรุงสถานที่
เมื่อมีผู้ปรารถนาดี…คุณพรพิมล มั่นฤทัย…คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ เห็นความสำคัญของกองปราบปราม ประสงค์ขอร่วมกันสร้างสนามยิงปืนให้ พร้อมกับคุณสมศักดิ์ นิตยาพรเกิดศรัทธา ภายหลังร่วมด้วย แม้สถานที่จะคับแคบแต่น้ำใจของผู้อารี มีมาก เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ส่วนใหญ่ จึงตัดสินใจน้อมรับความหวังดี ตัดใจเลือกสนามฟุตบอลในบริเวณกองปราบปราม ซอยโชคชัย 4 ที่ตำรวจและลูกหลานตำรวจใช้เล่นส่วนหนึ่งเพื่อจัดสร้าง
หวังว่า พวกเราคงให้อภัย เห็นด้วยเมื่อเข้าใจเจตนารีบเสนอขออนุมัติก่อสร้างสนามยิงปืน กรมตำรวจกรุณาอนุมัติจึงตั้งกรรมการดำเนินการตามโครงการก่อสร้าง ตั้งคณะทำงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้อาวุธปืน ได้รับความร่วมมือด้วยดีสนามยิงปืนของกองปราบปรามจึงปรากฏมีขึ้น ณ บัดนี้
โชคชะตาของเรา-ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องที่เผลอไม่ได้ ปล่อยปละละเลยไม่ได้ ถ้าเราเผลอหรือปล่อยปละละเลย ไม่คอยหล่อหลอมไว้ให้ดี เราก็อ่อนแอลงไป ทรุดโทรมลงไปและในที่สุดภัยพิบัติก็มาถึงเรา ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นความจำเป็นสำหรับพวกเราที่จะต้องคอยหล่อหลอมกล่อมเกลาโชคชะตาของเราไว้เสมอด้วยการฝึกฝนหาวิชาความรู้ สนามยิงปืนจึงเป็นสถานที่หนึ่งในการนี้
ต่อไปนี้ ความแน่ใจ มั่นใจในการใช้อาวุธปืนของตำรวจกองปราบปรามคงมีถ้วนทั่วคงจะได้เห็นกิริยาท่าทางภายนอก สุภาพ ผึ่งผาย ไม่สะทกสะท้าน ไม่งกเงิ่นเก้อเขินในการพกพาและใช้อาวุธปืน และเมื่อรวมกับน้ำใจที่แกล้วกล้าสามารถ ไม่ย่นย่อต่ออุปสรรคและภยันตราย ย่อมสละสิ่งต่างๆ เพื่อความเป็นธรรม และหน้าที่แล้ว
“ความองอาจกล้าหาญของตำรวจกองปราบปราม” จะคงมีอยู่ชั่วกาล
โชคดีอีกครั้ง ที่ความหวังที่ตั้งมั่นไว้ได้สำเร็จ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่ทำให้สนามยิงปืนกองปราบปรามมีขึ้น ขอบคุณอีกครั้งสำหรับวิทยากรที่ได้กรุณาให้วิทยาทานแก่พวกเรา ผลของการร่วมคิด ร่วมจิต ร่วมทำ
แน่นอนสมรรถภาพในการใช้อาวุธปืนของตำรวจกองปราบปรามจะต้องมี จะต้องนำไปใช้เพื่อให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นแก่ประชาชนและจะส่งผลหล่อหลอมกล่อมเกลาปั้นรูปโชคชะตาตำรวจกองปราบปรามในอนาคตด้วย