สังคมออนไลน์ทุกวันนี้ มีแต่คนเก่งวิพากษ์วิจารณ์ ละลานเต็มกระดานไซเบอร์
เลือกชม เลือกด่าตามชอบ
ความคิดเห็น “ตกขอบ” ทำตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินเรื่องราวก็มีไม่น้อย
นอกจากว่าด้วยดราม่าเรื่อง “ทรงผม” ความขื่นขมตามอารมณ์ตำรวจบางส่วน กับเรื่องตลบอลอวลของ “หวยอลวน” คนอลเวงแล้ว ยังมีฮอตล่าสุดกรณี บิ๊กอิตาเลียน-ไทย ตระกูลใหญ่ “กรรณสูต” บุกป่าล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี
น้อยคนจะพูดถึงวีรกรรมของ ร.ต.อ.อิสระพงษ์ กุลจินดา รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
หลังจากผู้กองวัย 49 ปี รับแจ้งจากชาวบ้านมีชายคลุ้มคลั่งเมาสุราถือปืนเดินเพ่นพ่านละแวกชุมชนหน้าบ้านเลขที่ 207/275 หมู่ 11 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
เจ้าตัวรีบขี่จักรยานยนต์สายตรวจตราโล่รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อม นายศุภสิทธิ์ หม่องเลี้ยง อายุ 37 ปี อาสาตำรวจ คนร้ายทราบชื่อต่อมา นายนิรุต จิตหมั่น อายุ 39 ปี เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งเข้าบ้านหนีขึ้นไปบนชั้น 2
ร.ต.อ.อิสระพงษ์ ตัดสินใจตามขึ้นไปด้วยวิญญาณความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ปรากฏว่า คนร้ายชักปืนยิงใส่เขา กระสุนตัดขั้วหัวใจตายระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
มี นายศุภสิทธิ์ หม่องเลี้ยง อาสาตำรวจบาดเจ็บ
ตำรวจระดมกำลังกันปิดล้อมเกลี้ยมกล่อมอยู่พักใหญ่คนร้ายยอมมอบตัว
ร.ต.อ.อิสระพงศ์ กุลจินดา เป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่นที่ 27 ชลบุรี (เขาน้อย 27 ร้อย 6) มุ่งมั่นที่จะติดดาวประดับบ่ากระทั่งสอบเลื่อนเป็นชั้นสัญญาบัตรสำเร็จ บรรจุอยู่สถานีตำรวจภูธรบ้านค่าย จังหวัดระนอง ก่อนย้ายมาโรงพักภูธรหนองขาม
เป็นคนดี คนเก่งพร้อมลุยงานเสมอ ไม่เคยบ่นเหนื่อย และรักลูกน้องทุกคน
วันนี้เสียงชื่นชม มีแต่ลูกน้องคนใกล้ตัวและครอบครัวใกล้ชิด
ชีวิตไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็น “ฮีโร่พิทักษ์ป่า” หาญกล้าจับเจ้าสัวใหญ่ชื่อดังระดับประเทศ