อ่างน้ำวนต่างคนต่างใช้ไม้คนใกล้ตกผลึกจริงหรือ
ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เมื่อวันก่อน พิจารณายกเครื่องสถานีตำรวจทั่วประเทศ 1,400 กว่าแห่ง
แบ่งเป็น 3 ขนาด
โรงพักขนาดเล็ก มีบุคลากร 50-70 นาย โรงพักขนาดกลาง มีบุคลากร 100-120 นาย และโรงพักขนาดใหญ่ บุคลากร 180-220 นาย
คณะกรรมการ “ผ่าร่างองค์กรสีกากี” อ้างเพื่อเป็นหลักเกณฑ์การจัดสรรอัตรากำลังพล งบประมาณให้เหมาะสมเพียงพอ ไม่ต้องไปหาเงินจากผู้อุปถัมภ์รายอื่น ๆ
จนเกิดเป็นระบบอุปถัมภ์
ขณะเดียวกันจะจัดคู่มือตำรวจเป็นเครื่องปฏิบัติงานให้บริการประชาชนด้วยความรวดเร็ว เช่น การเปรียบเทียบปรับ การแจ้งเอกสารหาย ต้องทำให้เสร็จใน 30 นาที การขอสำเนาบันทึกประจำวันต้องทำให้เสร็จใน 2 ชั่วโมง ไม่ให้ประชาชนรอนาน
นอกจากนี้จะนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ติดตามคนร้าย อาทิ ระบบจีพีเอส การใช้โดรนไล่ล่าคนร้ายตามสถานการณ์ที่เหมาะสมเหมือนต่างประเทศ
ที่ประชุมยังเสนอยกเลิก คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ หรือ กต.ตร.ระดับสถานีตำรวจ ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบและส่งเสริมสนับสนุนกิจการตำรวจที่ดีระดับจังหวัด และคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนตำรวจที่ดีระดับสถานีตำรวจแทน
ผู้เข้ามาเป็นคณะกรรมการทั้งระดับจังหวัดและสถานีตำรวจ ประกอบด้วย ตำรวจ ประชาชน เอกชน และท้องถิ่นร่วมกันทำงานด้วย
เพื่อให้เป็นตาม “โมเดลประชารัฐ” ที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม
ผลึกล่าสุดจะนำไปรับฟังความเห็นจากประชาชนอีกครั้งในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ที่สุดภายในสิ้นเดือนมีนาคมตามกำหนดเส้นตายที่ต้องถึงมือนายกรัฐมนตรีก่อนวันที่ 1 เมษายน 2561
ประหนึ่งเป็นความฝันของหมอผ่าตัดประเทศ แต่ไม่ได้เอกวิชาชีพตำรวจ !!!
