“อาจจะไม่ต้องสวีตหวานอะไรเหมือนวันแรก แต่ว่า ต้องเหมือนเดิม”

วามรักมักไม่ได้เกิดจากเรื่องบังเอิญ

คุณแม่ยังสาวลูกสาม มาดามจอย-ชญานี เกริกกฤตยา ภรรยา ...ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการสันติบาล 2 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 46 กับเรื่องราวหวานเป็นตำนานรักของคนสองคน

เธอเป็นทายาทของไกรสีห์ กรรณสูต อดีตผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จบโรงเรียนจิตรลดา ไปต่อคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เทอมเดียวบินศึกษาต่อมหาวิทยาลัยวูลลองกอง ประเทศออสเตรเลีย เจ้าตัวบอกว่า สมัยเด็กไม่ได้มีความฝันอยากเป็นอะไร แค่ทำทุกวันให้ดีที่สุดก็พอ ไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่การเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะมองว่าน่าจะเป็นวิชาที่สามารถใช้ประกอบอาชีพได้ง่ายในยุคสภาวะวิกฤติเศษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540

เป็นจังหวะที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีโครงการ่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย เธอถึงตัดสินใจไปใช้ชีวิตอยู่แดนจิงโจ้ และศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ เป็นการเรียนระบบแบบอังกฤษ ใช้เวลาแค่ 3 ปีจบทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทในวัยเพียง 21 ปี ก่อนบินกลับมาทำงานแผนกบริหารเงินของเอ็กซิมแบงก์นาน 16 ปี นั่งตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการแล้วเลือกที่จะขอลาออกเพื่อมาดูแลลูก

จุดเริ่มต้นของชีวิตรัก คุณจอยเล่าว่า ตอนนั้นพ่อเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่มักมีงานเลี้ยงสังสรรค์กันเป็นประจำ บางครั้งต้องเดินทางไปร่วมงานกับพ่อและแม่ กระทั่งมีผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักสามีที่ขณะนั้นตำแหน่งสารวัตรจราจรโรงพักดินแดง ติดตามมาพร้อมกับภรรยาท่านวิโรจน์  ยอมรับว่า ตอนแรกเฉย ๆ  เนื่องจากที่บ้านไม่ค่อยชอบตำรวจ อาจด้วยที่แม่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มักมีตำรวจมารบกวนตลอด

ถึงกระนั้น คุณจอยบอกว่า พอมาอยู่ในสังคมตรงนี้แล้ว ทำให้รับรู้ว่า ตำรวจมีสองด้าน ตำรวจดีก็มีเยอะ เจอกับสามีในช่วงวัยที่เราอายุแค่ 25 ปี ยังไม่ได้คบใคร เพราะพ่อจะห่วงไปเจอผู้ชายไม่ดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มีการวางแผนเพื่อให้เราทั้งคู่มาเจอกันก่อนหน้าแล้ว เหมือนพ่อกับแม่ตรวจสอบประวัตินายตำรวจคนนี้อย่างละเอียดดีแล้วถึงยอมให้คุยกัน เขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก สวมชุดซาฟารี

ความรักของทั้งคู่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อฝ่ายชายโทรศัพท์มาจีบแล้วนัดทานข้าวเจอกันบ่อยครั้ง แสดงตัวชัดเจน “จอยยอมเปิดใจ ดูใจกัน เพราะว่าปกติที่บ้านไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาคุยกับลูกสาว สำหรับเขาผ่านด่านแรกผู้หลักผู้ใหญ่มาแล้ว พอคุณพ่อคุณแม่เปิดทาง มันก็ง่าย เวลาจะนัดไปไหนมันก็สะดวก เขาไม่มีปัญหาอะไร คบกันไม่นานเขาขอหมั้นไว้ก่อน ตกใจนะตอนขอหมั้น แต่คิดว่า เมื่อผู้ใหญ่โอเค จอยก็ตกลง”

หลังจากหมั้นหมายกันตามประเพณีแล้ว ทั้งสองใช้เวลาศึกษาชีวิตกันนานปีเดียวก็แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน ลูกสาวอดีตผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยว่า แรก ๆ เราทั้งสองคนไม่ค่อยมีปัญหา เราจะไปด้วยกันตลอด ไม่ได้มีภาระความรับผิดชอบอะไร มาเปลี่ยนตอนมีลูก ไปไม่ได้แล้ว เพราะต้องมีความรับผิดชอบเยอะขึ้น จำเป็นต้องแบ่งเวลาให้ลูก ยิ่งสามีมีตำแหน่งสูงขึ้น มีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานมากขึ้น สังคมมากขึ้น เราต้องดูแลลูกจะปล่อยให้ใครเลี้ยงไม่ได้เด็ดขาด

สำหรับ พยานรักทั้งสามของครอบครัวเกริกกฤตยา มี เบส-ณฤทธิ์ เกริกกฤตยา เรียนอยู่ชั้นประถม 6 โรงเรียนบางกอกทวิวิทย์ บอส-ณเดช เกริกกฤตยา อยู่ชั้นประถม 5 โรงเรียนบางกอกทวิวิทย์ และ บูเก้-ณัฐฎา เกริกกฤตยา อยู่ชั้นประถม 1 โรงเรียนจิตรลดา ฝ่ายหญิงจำเป็นต้องเสียสละลาออกจากธนาคารเมื่อไม่สามารถจัดการเวลาให้ลูกได้ลงตัว

เธอบอกเหตุผลว่า การที่จะให้ทั้งสองอย่างได้ดีทั้งคู่ เป็นไปไม่ได้ หน้าที่การงานพอตำแหน่งสูงขึ้นย่อมมีความรับผิดชอบเยอะ ต้องใช้เวลากว่าจะเลิกงานก็ดึก กลับมาลูกนอนแล้ว ไม่มีใครดูแลเรื่องการเรียน แม้กระทั่งการไปรับไปส่งวันเสาร์ที่เรียนพิเศษอีก ถึงต้องให้ความสำคัญกับลูก และเลือกเอาเวลาว่างตอนลูกไปโรงเรียนมาช่วยงานบริษัทของแม่แทน ปล่อยให้สามีทำงานในหน้าที่ตำรวจได้อย่างเต็มที่

ภรรยาสาวของนายตำรวจหนุ่มบอกอีกว่า โชคดีสามียังมีเวลาครอบครัว วันหยุดจะพาลูกไปทำกิจกรรมตลอด เขาเลือกให้ความสำคัญกับครอบครัว ถามว่า หากมีการแต่งตั้งโยกย้ายไปอยู่ไกลครอบครัวจะส่งผลกระทบไหม คงต้องบอกกับเขาว่า ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาอะไรมากมายในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะถ้าไปอยู่ไกล ระยะห่างย่อมมีผล ทำให้ไม่สามารถมาใกล้ชิดลูกที่กำลังอยู่ในวัยควรจะได้รับความอบอุ่นมากที่สุดจากพ่อแม่

แต่งงานกันหมั่นเติมความรักหวานยิ่งกว่ารสชาติน้ำตาลมานานกว่า 12 ปี  แม่บ้านรองผู้บังคับการจเรตำรวจเชื่อในหลักการประคองชีวิตครอบครัว คือ ต้องมีความซื่อสัตย์ ทำเหมือนกับวันแรกที่เคยบอก เคยคุยกัน ทำให้เหมือนเดิม

อาจจะไม่ต้องสวีหวานอะไรเหมือนวันแรก แต่ว่า ต้องเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน ตอนนี้เรามีภาระต้องดูลูก เราจำเป็นต้องช่วยกันในฐานะพ่อแม่ ไม่ปล่อยให้คนเดียวดูแลโดยที่อีกคนไปทำงาน ตรงนี้มันทำให้ลำบากใจ  เพราะอีกฝ่ายอาจคิดว่า ไม่ไหว เธอว่า

คุณจอยย้ำว่า ส่วนมากปัญหาชีวิตครอบครัวตำรวจที่ไปไม่รอดจะเกิดจากความห่างไกล ผู้ชายทำแต่งานทั้งวัน ทำงานไม่เป็นเวลา และไม่ค่อยมาเอาใจใส่ครอบครัว ยิ่งไปอยู่ต่างจังหวัดไม่กลับมาเลยด้วยเรื่องของระยะทาง มักอาจทำให้มีปัญหา ท้ายที่สุด คือ ต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ซื่อสัตย์ และเสมอต้นเสมอปลายเป็นหัวใจสำคัญที่สุด

RELATED ARTICLES