ลูกสาวนายพลคนเก่งเมืองหลวง

“กู๊ด”ธิดาทิพย์ ยิ่งยง ทายาท พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน

เป็นพยานรักคนโตของบ้าน มีน้องสาวคลานตามกันมาอีกคน เกิดโรงพยาบาลตำรวจ แต่ไปอยู่อ้อมอกตายายที่จังหวัดลพบุรี 2-3 เดือนถึงคืนสู่พ่อแม่ เรียนโรงเรียนเซนต์จอห์นถึงชั้นมัธยมปีที่ 1 ต้องบินข้ามทะเลไปต่อไฮสกูลประเทศอังกฤษ ก่อนจบปริญญาตรีไบโอเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยในลอนดอน

เธอบอกว่า ตัดสินใจเรียนเกี่ยวกับวิศวะชีวะเคมี เพราะพ่อกำลังเห่อไบโอเทค ประกอบกับเราชอบเรียนภาษาอังกฤษถึงขอไปเรียนเอง ทั้งที่พ่อแม่ไม่อยากให้ไป ยิ่งพ่อตอนอยู่เมืองไทยจะไม่ค่อยให้ไปเที่ยวข้างนอกเลย คงหวงตามประสาตำรวจ แต่ไม่มีเวลาดูลูก วันไหนว่างจะเอาหนังสือภาษาอังกฤษให้อ่าน ให้ทำกิจกรรมในบ้าน

จบจากลอนดอน ตอนแรกกู๊ดคิดจะทำงานอยู่แดนผู้ดี แต่ต้องรอใบอนุญาตทำงาน เธอขี้เกียจรอถึงตัดสินใจบินกลับเมืองไทยมาช่วยแม่ทำงานประชาสัมพันธ์ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5  “แม่เคยเป็นนักข่าวช่อง 5 เด็ก ๆ  กู๊ดก็วิ่งเล่นอยู่ในช่อง 5 ต่อมาแม่เปิดบริษัทประชาสัมพันธ์ และยังคงทำงานอยู่กับช่อง 5 กู๊ดเลยได้ไปช่วย”

เกี่ยวประสบการณ์ไม่นาน เธอเลยเปิดบริษัทเองในชื่อ “เกรท วันเดอร์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด” เป็นเอเจนซี่รับงานโฆษณาวางแผนให้ลูกค้า อีกทั้งยังทำรายการ “กู๊ดเดย์”  ฉีกรูปแบบรายการโทรทัศน์ทางช่อง 5 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.10-09.15 น.พาผู้ชมเข้าครัวทำเมนูที่อร่อยดูดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมแนะนำเรื่องราววาไรตี้สารพัดประโยชน์มากมาย

 

ลูกสาวรองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เล่าว่า ตอนแรกงงมาก ทำงานไม่ตรงกับที่เรียน แม่ให้วนดูมาร์เกตติ้ง ดูโปรดักชั่น ดูบัญชีกับกฎหมาย ที่เรียนมาเหมือนกับไม่รู้เรียนทำไม แต่หากมองอีกแง่ คนเรียนวิศวะ ทำให้คิดอะไรเป็นระบบ ไม่ใช่คิดสะเปะสะปะ ทำบัญชีก็จะคิดเลขเร็วกว่าคนอื่น เพราะฐานของเราดีกว่า ทำจนมาเปิดบริษัทเองต่างจากแม่ที่เน้นราชการส่วนใหญ่ เราอยากทำแบบใหม่ ๆ กับเอกชนมากกว่า อาศัยบารมีแม่บ้างในช่วงแรก

ทำธุรกิจของตัวเองจนลงตัว กู๊ดผ่อนคลายมีเวลาสัมผัสพ่อมากขึ้น หลังจากห่างกันนานช่วงที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เธอบอกว่า พ่อใจดีมาก แม้จะเจ้าระเบียบด้วยความที่เป็นตำรวจ เวลากลับบ้านต้องวางรองเท้าให้ชิดกัน ต้องขัดรองเท้าเอง มีครั้งหนึ่งพ่อรีดชุดนักเรียนให้ จีบจะเป๊ะมาก พ่อมักสอนระเบียบ และกระบวนการคิด บางทีจะกำชับให้ต้องเป็นระบบอย่างนี้ ต้องวางแผน 5 ปี 10 ปี พอเราโตมาถึงรู้ว่า จริง ๆ แล้วคนเราต้องมีการวางแผน

 

“เหมือนเรื่องของอารมณ์ คุณพ่อจะเป็นคนใจเย็นมาก คุณพ่อจะสอนหลายอย่าง แต่ไม่เน้นว่า ลูกต้องทำนั่นทำนี่ จริง ๆ คุณพ่ออยากให้เป็นตำรวจเหมือนกัน แต่กู๊ดดูแววแล้วคงไม่เวิร์ก”สาวคนขยันระบุ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวของพ่อต่อว่า เวลาเราไปทำโครงการอะไร ต้องตอบพ่อได้ว่า วัตถุประสงค์ คือ อะไร พ่อเป็นคนวางแผนละเอียดมาก ทำให้เราซึมซับเป็นคนชอบวางแผน เพราะพ่อเน้นเสมอว่า เช่น ตอนเปิดบริษัท พ่อจะถามว่า ต้องทำอะไรบ้าง คู่แข่งเป็นใคร จุดเด่น จุดอ่อน การเงินเป็นอย่างไร และอนาคต 5 ปี 10 ปีจะเป็นอย่างไร เน้นรอบคอบ มองการณ์ไกล

การเป็นลูกตำรวจ เธอยังเรียนรู้อีกอย่างว่า บางทีเห็นข่าวตำรวจโดนยิง รู้สึกเป็นห่วงพ่อ แต่คนกลับมองว่า ตำรวจชอบรังแกประชาชน ชอบหากินนอกระบบ ไม่ได้มองอีกภาพหนึ่งว่า ตำรวจหน้าที่เยอะมาก บางทีงูเข้าบ้านก็เรียกตำรวจ ตำรวจต้องเสียสละมากมาย ครอบครัวก็ต้องเสียสละตรงนั้นด้วย

“อยากให้มองอีกภาพของตำรวจบ้าง เราเป็นลูกตำรวจถึงเข้าใจว่า คุณพ่อทำงานหนักมาก ภูมิใจที่คุณพ่อเป็นคุณพ่อ และเป็นตำรวจด้วย” ทายาทนายพลสีหน้าจริงจัง

 

RELATED ARTICLES