สาวคนเก่งไม่แพ้นายพลหนุ่มผู้พ่อ

“บาร์เล่ย์”ปรีชญา อุทาโย ลูกคนโต พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งยังเป็น นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังตั้งใจเรียนระดับปริญญาโทคณะเศรษฐศาสตร์และการเงินระหว่างประเทศ ภาคอินเตอร์ของรั้วจามจุรี

หลังใช้เวลาเพียง 3 ปีครึ่งจบชั้นปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ที่จุฬาฯมาก่อนหน้านี้แล้ว

ด้วยความที่พ่อแม่ชอบอ่านหนังสือ ทำให้เธอรักการอ่านหนังสือมาตั้งแต่จำความได้ สมัยอยู่โรงเรียนราชินีบน ถึงเก่งวิชาภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ แต่อยากเป็นนักเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่อยู่ชั้น ป.6 มุ่งแนวคิดนี้จนจบมัธยมปลายถึงสอบตรงเข้าสู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เธอเล่าว่า ชอบเนื้อหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม และอยากทำงานด้านนี้ ตอนอยู่มัธยมยังได้เป็นประธานชมรมสังคม เพราะครูเห็นว่า เรียนดี เลยมอบหมายให้ดูงานวิชาสังคมทั้งโรงเรียน และคอยติวน้อง ๆ พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็ตัดสินใจสอบตรงเข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ เอาคะแนนภาษาอังกฤษกับเลขไปใช้สอบ เนื่องจากอยากเรียนอังกฤษควบคู่ไปด้วย

นิสิตสาวพระเกี้ยวมองอนาคตว่า ตอนนี้เรียนหลักสูตรปริญญาโท 1 ปีจบแล้วคิดว่า คงไปศึกษาต่อประเทศอังกฤษ อยากเรียนด้านบริหารธุรกิจเสริมความรู้เพิ่มเติมเพื่อจบมาทำงานบริษัท หรือองค์กรระหว่างประเทศ รองรับเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนที่จะมีขึ้นในปี 2558 พอดี เป็นงานที่ชอบและถนัดอยู่แล้ว มีพ่อแม่สนับสนุนเต็มที่ อาจเห็นว่า เรามีความสุขกับสิ่งที่เรียน ก็ไม่ว่าอะไร ไม่ได้บังคับ

“คุณพ่อจะสอนบาร์เล่ย์เยอะแยะ เพราะที่บ้านสนิทกันมาก ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ตอนเช้าคุณพ่อจะไปส่งเข้าโรงเรียน ตอนเย็นคุณแม่ไปรับ กลับมากินเข้าเย็นกันทุกวัน รวมถึงน้องชายด้วย มีอะไรจะคุยกันตลอด เจอหน้ากันทุกวัน บ้านนี้จะไม่มีความลับ คุยกันหมดทุกเรื่อง พูดง่าย ๆ คือ บาร์เล่ย์ห่างจากคุณแม่คุณแม่แค่เวลาไปเรียนหนังสือเท่านั้น ประกอบกับบาร์เล่ย์เป็นคนไม่ชอบเที่ยว ที่บ้านจะสอนแบบผู้ใหญ่ให้เราเรียนรู้เองว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ”

ทายาทนายพลชื่อดังระดับโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่า รู้สึกภูมิใจที่มีพ่อเป็นตำรวจ พ่อเป็นเหมือนต้นแบบของลูก เป็นคนทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เรียนก็เก่ง ทำงานก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน ทั้งที่ความจริงพ่อเหมือนเป็นคนธรรมดา แต่สามารถทำให้เป็นที่รู้จักของสังคมได้  ในด้านที่ดีด้วย เวลาเราไปไหนมาไหนก็จะมีคนถามนามสกุลนี้หรือ เป็นลูกพ่อหรือ ปกติเราก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน เหมือนทุกคนยอมรับในตัวพ่อ

“ตอนเด็ก บาร์เล่ย์ในยินคุณพ่อบอกเสมอว่า งานตำรวจเป็นงานที่หนัก แต่เป็นงานที่พ่อรัก บาร์เล่ย์เห็นคุณพ่อทำงานหนัก รู้สึกสงสาร บางทีกลับมาเห็นคุณพ่อเหนื่อยมาก เหมือนเพลีย บางวันนอนเลย หน้าซีดเครียดมากก็เป็นห่วง ต้องคอยดูแล เตรียมยาให้ ยิ่งช่วงหลังงานหนักมาก หน้าเซียวมาก แต่คุณพ่อจะไม่ระบายเรื่องงานให้ฟัง มันไม่ใช่หัวข้อหลักบนโต๊ะกินข้าว เพราะส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่จะเป็นฝ่ายถามลูก ๆ มากกว่า จะไม่เอาเรื่องเครียด ๆ มาใส่ให้ลูก เราก็จะถามแค่ว่า คุณพ่อเหนื่อยไหม คุณพ่ออย่าเครียดนะ แต่จะไม่ได้ถามเรื่องงานของคุณพ่อ คืออะไร เพราะอยู่บ้านก็อยากให้คุณพ่อสบาย ได้พักผ่อน ไม่อยากให้คิดเรื่องงาน เว้นเสียแต่คุณพ่อจะเล่า เราก็จะฟัง ภูมิใจนะ” เด็กสาวเผยความรู้สึกถึงผู้บังเกิดเกล้า

           

RELATED ARTICLES