แก้วตาดวงใจอดีตนายตำรวจนักสืบเมืองหลวง

“เดียว” วิรวงศ์ มหินทรเทพ ลูกสาวคนเก่ง พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ อดีตผู้กำกับสืบสวนนครบาล 1 เป็นบุตรคนที่สอง เรียนประถมโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ ไปต่อมัธยมโรงเรียนสตรีวิทยา มีความฝันวัยเด็กอยากเป็นนักการทูต เพราะชอบเปิดหูเปิดตา ชอบท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ แถมเก่งในเรื่องภาษา

แต่พอจบมัธยมปีที่ 6 กลับเลือกสอบคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยเหตุผลว่า น่าจะเปิดโลกในอนาคตได้กว้างกว่า เหมาะสำหรับผู้หญิง ประกอบกับชอบภาษาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วน่าจะมีช่องทางหางานทำอย่างอื่นได้พอสมควร

หลังคว้าดีกรีปริญญาตรีลูกแม่โดม เดียวสมัครเข้าโครงการ Work and Study ข้ามโลกไปศึกษาต่อยังประเทศแคนาดา เธอเล่าว่า เป็นโครงการเรียนภาษาเพิ่มเติมควบคู่กับการเรียนรู้เรื่องการทำงานใช้เวลาเรียน 6 เดือน ทำงาน 6 เดือน แต่เราจะเลือกหางานเอง เพราะถ้าบริษัทหางานให้แม้จะได้ฝึกงานจริง ทว่าเงินไม่โอเค ถึงเลือกเป็นแคชเชียร์ร้านกาแฟบ้าง ร้านอาหารบ้าง สร้างรายได้พอสมควร เที่ยวด้วยเรียนด้วย ความที่ไม่ได้ติดบ้าน ชอบเที่ยว ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง

เพลิดเพลินอยู่แคนาดาปีกว่า เดียวว่า พ่อแม่เรียกกลับเมืองไทย ทั้งที่กำลังมีโครงการต่อปริญญาโท สุดท้ายได้งานทำเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ทำอยู่ 3 เดือนย้ายค่ายไปสังกัดสายการบินไทย “มันเหมือนความฝันวัยเด็กอีกอย่าง สมัยนั้นอาจไม่จริงจัง เพราะรู้ว่าตัวเตี้ย สมัครยาก โอกาสค่อนข้างจำกัด ตอนย้ายมาการบินไทยก็ส่วนสูงพอดีเกณฑ์มาตรฐานต่ำที่ตั้งไว้ 160 เซนติเมตรด้วยซ้ำ” เจ้าตัวหัวเราะ

แอร์สาวการบินไทยรับว่า สนุกกับงานสายการบิน ได้เที่ยวต่างประเทศตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน ได้ใช้ภาษาอังกฤษที่ได้เล่าเรียนมา จากวันนั้นถึงวันนี้สะสมประสบการณ์บินได้ปีเศษแล้ว รู้สึกชอบ เป็นงานที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว คงไม่เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น

เมื่อถามถึงความผูกพันกับพ่อ เธอเล่าว่า สนิทสนมกันมาก แม้ระยะหลังพ่อจะยุ่ง ทำงานตลอด แต่ถ้าว่างก็จะมาอยู่บ้าน อยู่เป็นครอบครัวเสมอ รู้สึกว่า พ่อเหนื่อย ทำงานไม่ค่อยได้กลับบ้าน บางทีก็ออกไปทำงานตอนเช้า กลับมาอีกทีก็ดึกแล้ว ยิ่งช่วงมีสถานการณ์ชุมนุมยิ่งต้องทำเสาร์-อาทิตย์ด้วย ไม่ค่อยได้พักผ่อน พอเรามาทำงานเป็นแอร์โฮเตส ไม่ค่อยได้หยุดเสาร์-อาทิตย์เหมือนกัน โอกาสเจอหน้าก็เลยน้อยลง

“ตอนเด็ก เดียวจำได้ว่า ถ้าคุณพ่อว่างจะไปรับส่งโรงเรียนตลอด เดียวรู้ว่าคุณพ่อทำงานค่อนข้างเสี่ยง แต่คุณพ่อมักไม่เล่าอะไรให้ฟังในเรื่องงาน อาจกลัวว่า พวกเราเป็นห่วง เดียวก็จะมีถามบ้างเวลามีข่าวลงตามสื่อ อย่างเวลาเดียวบินไปต่างประเทศหลายวัน ไม่ได้ตามข่าวในเมืองไทยเลยก็จะมาถามคุณพ่อ บางทีเห็นคุณพ่อออกข่าวก็จะโทรมาถามบ้าง พอโทรไปถาม คุณพ่อก็มักจะบอกว่า ไม่มีอะไร เช่นตอนม็อบเสธ.อ้าย ตอนนั้นเดียวอยู่ออสเตรเลียก็ให้เพื่อนโทรมาถาม คุณพ่อบอกไม่มีอะไรอย่างเดียว พอกลับมาคุณพ่อถึงเล่าให้ฟัง และย้ำว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณพ่อดูแลตัวเองได้”

เดียวบอกว่า พ่อเป็นตำรวจเหมือนจะรู้อะไรเยอะ พ่อถึงมักจะสอนวิธีการดูนิสัยคน การระวังตัว ขณะเดียวกัน พ่อจะมีเหตุผล และจะยอมรับฟังความคิดเห็นของลูก พ่อแม่จะเลี้ยงลูกค่อนข้างวัยรุ่น จะเข้าใจในตัวลูก ขอให้มีอะไรก็บอก อย่าปิดบัง เราก็พยายามบอกเหตุผลเขาเหมือนกันว่า โอเคหรือไม่ ความจริงแล้วพ่อไม่ดุเลย จะพูดด้วยเหตุผล ไม่ถึงกับตามใจ แต่ก็ค่อนข้างปล่อยเหมือนกันเมื่อเทียบกับพ่อแม่เพื่อนคนอื่น

“เดียวภูมิใจที่คุณพ่อเป็นตำรวจนะ แม้เวลาน้อย เดียวรู้ว่า คุณพ่อทำงานหนักเพื่อครอบครัว เพื่อสังคม ถ้าว่างจะมาอยู่ด้วยกับครอบครัวตลอด ทำให้พวกเราไม่ได้รู้สึกว่าขาดความอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกเหงา มีอะไรคุณพ่อก็จะโทรศัพท์มา จะมีห่างบ้างก็ตอนคุณพ่อย้ายไปบุรีรัมย์ ส่วนเดียวเรียนธรรมศาสตร์ต้องอยู่หอพักด้วยจะเจอกันแค่เสาร์อาทิตย์ ไม่ก็โทรคุยกันทุกวัน หลังเลิกเรียนก็จะโทรหาประจำอยู่แล้ว” ลูกสาวตำนานนักสืบคนดังว่า

เธอมักจะบอกให้พ่อดูแลตัวเอง พร้อมกับซื้อวิตามิน ขนม อาหารเสริมมาบำรุงเป็นการเอาใจตอบแทนพระคุณ สำหรับอนาคตเดียวตั้งเป้าไว้ว่า อยากพ่อและแม่ไปเที่ยวบ้าง อยากดูแลเต็มที่ รู้ว่า พ่ออยากไปเที่ยว อยากไปกับครอบครัว แต่เวลาไม่มี นานมากแล้วที่ไม่ได้ไปร่วมกันเป็นครอบครัว เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ ยิ่งหน้าเทศกาลวันหยุดปีใหม่ สงกรานต์ ชีวิตครอบครัวข้าราชการตำรวจไม่ต้องพูดกันเลย

“เดี๋ยวนี้เดียวก็เริ่มเข้าใจคุณพ่อแล้ว เพราะชีวิตการทำงานหน้าเทศกาลก็เป็นเรื่องสำคัญ เดียวทำงานตรงนี้ไปไหนไม่ได้เหมือนกัน ดีที่บ้านไม่ชอบคนเยอะอยู่แล้วเลยไม่กังวล”แอร์การบินไทยทิ้งท้าย

 

RELATED ARTICLES