ตามรวบเจ้าแม่แชร์ทองมีหมายจับโกงติดตัว 61 ใบ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ก่อนสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับลการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5  ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลังแกะรอย น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก หรือ กวินา กันยากรสกุล หลังก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนด้วยการหลอกลวง “ขายทอง” จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับไว้กว่า 26 หมายจับ ล่าสุดได้รับประสานงานพบหมายจับศาลอีกกว่า 35 หมายจับ รวมเป็น 61 หมายจับ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 360 ล้านบาท เหยื่อผู้กว่า 200 รายทั่วประเทศ ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 37 ล้านบาท ล่องหน “ไร้เงา” มาเป็นเวลา  2 ปี กระทั่งได้เบาะแส “หนังควาย” พบแหล่งกบดานเป็นเซฟเฮาส์ลับในชนบทใกล้เขาใหญ่ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

ต่อมา  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับลการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5  ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำนวยการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ประสาน พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 4 นำกำลัง พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พร้อมทีมศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ประกอบด้วย พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว  พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี  พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ  พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า  พ.ต.ต.ภัสสกรณ์ เฉลียวบุญ  พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ออกติดตาม

ก่อนจับกุมตัว น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก หรือ กวินา กันยากรสกุล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/5 หมู่18 ตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จำนวน 61 หมายจับหลายพื้นที่ทั่วประเทศ   พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง (พบข้อมูลการตั้งวงแชร์อีกหลายวง)  สมุดบันทึก 1 เล่ม  ซองใส่ซิม จำนวน 5 ชิ้น

สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2563 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก หรือ กวินา กันยากรสกุล ได้มีการไลฟ์ผ่านทางเฟซบุ๊กโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนในการ “ขายทอง”  อ้างว่าจะนำทองมาจากต่างประเทศ สามารถสั่งนำเข้ามาได้ในราคาเพียงบาทละ 3,000-4,000 บาท ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปมาก  มีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อและโอนเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ผู้ต้องหาสาวส่งทอง หรือจ่ายเงินตอบแทนให้กับผู้สั่งซื้อหรือร่วมลงทุนใน 2-3 ครั้งแรก ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่เคยร่วมลงทุนเดิมใช้ “ปากต่อปาก” ชวนให้มีผู้สนใจเข้าร่วมการลงทุนหน้าใหม่เข้ามาอีก

สุดท้ายเหล่าผู้เสียหายต่าง “ทุ่มเงิน” ร่วมลงทุนซื้อทองกับผู้ต้องหา เมื่อได้เงินก้อนใหญ่แล้วกลับ “หายตัวไป” อย่างไร้ร่องรอยพร้อมเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 37 ล้านบาท ผู้เสียหายกว่า 200 รายทั่วประเทศต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินส่วนใหญ่ผู้เสียหายทุบหม้อข้าวมาลงทุนกับผู้ต้องหา และพากันเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุทั่วประเทศนำมาสู่การออกหมายจับจำนวน  61 หมายจับทั่วประเทศไทย  แล้วหาย “ไร้เงา”  นานนับปี  ทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบการรับแจ้งความออนไลน์และข้อมูลแผนประทุษกรรมจากคดีเดิม ส่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พบ “ร่องรอย” จากแผนประทุษกรรมการช่วงการก่อเหตุ มี พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว  สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี  สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนท กองบังคับการตำรวจนครบาล 4  แยกกันลงพื้นที่แกะรอยจจจนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี มี “ลูกน้อง” คอยเป็นผู้ทำธุรกรรมต่าง ๆให้เพื่ออำพรางการใช้ชื่อตัวเอง  แม้จะปกปิดตัวตนอย่างมิดชิด แต่ตำรวจพบเบาะแสสำคัญจากร้านอาหารในละแวกกบดานคือ “หนังควาย”  เป็นอาหารที่ผู้ต้องหาโปรดปราน นำไปถึงเป็น “เซฟเฮาส์ลับ” มีรั้วสูงล้อมรอบมิดชิด ภายในชนบทใกล้เขาใหญ่จนมุมในที่สุด

ในชั้นจับกุม น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก สารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เริ่มชักชวนคนใกล้ตัวรวมถึงผู้อื่นให้ร่วมวงแชร์ทางออนไลน์ ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า วันเพ็ญ โคตรทะแก ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ถึงเมื่อประมาณเดือน ต.ค.2563 เริ่มคิดอยากจะเปิดวงแชร์แบบใหม่ในลักษณะให้ออมทอง ทำระบบการลงทุนออมทองให้ผู้ลงทุนลงเงินก่อนเป็นจำนวนเงินที่ถูกกว่าราคาทองจริงในตลาดเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ เป็นระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นจะส่งทองจำนวน 1 บาทไปให้ วิธีการจะสั่งซื้อทองที่ห้างทองสุพรรณ ผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาเต็มตามปกติ ในช่วงแรกที่เริ่มทำ ในขณะที่ทองคำราคาประมาณ 28,000 บาทจะไปประกาศหาผู้ที่ต้องการลงทุนออมทอง โฆษณาว่า สามารถออมทองในราคาเพียงแค่ 24,000 บาท ออมเป็นระยะเวลา 3 เดือน และจะได้รับทองคำจริงจำนวน 1 บาท สาเหตุที่ในช่วงแรกยังไม่ขาดทุน เพราะยังหาคนที่ อยากลงทุนออมทองต่อเนื่องลงเงินออมเพิ่ม และนำเงินส่วนต่างไปเพิ่มเติมในยอดเงินที่ขาดเพื่อให้สามารถ ซื้อทองคำในราคาเต็มได้และส่งจัดส่งทองคำที่ได้สั่งซื้อมาให้ผู้ลงทุนคนแรกๆ ทำให้น่าเชื่อถือว่าลงทุนจำนวนเงินน้อย แต่สามารถซื้อทองจริงได้  มีผู้คนสนใจมากที่สุด ลูกค้าจำนวนประมาณ 100 คน และมีนักลงทุนบางคนที่ร่วมลงทุนหลายครั้งสะสมเป็นยอดออมทองประมาณ 50 บาท  ขณะนั้นมียอดเงินที่มีผู้ลงทุนอยู่ประมาณหลักแสนบาท เนื่องจากต้องหมุนเวียนเงินเพื่อให้ระบบยังดำเนินต่อไปได้ หลังจากนั้นเมื่อประมาณ ต้นปี 2564 เริ่มเกิดปัญหา เนื่องจากไม่สามารถหาผู้ลงทุนใหม่ๆ มาลงทุนต่อ ได้เริ่มลดราคาเปิดให้เริ่มออมทองในราคาบาทละ 8,000 บาทจากราคาเต็มประมาณ 30,000 บาท(ในขณะนั้น) เพื่อทำให้เกิดความน่าสนใจ และก็ได้มีผู้มาร่วมลงเงินออมทองจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถหมุนเวียนเงินได้ เพราะต้องนำเงินมาทบยอดไปมาจากลูกค้าหลายคนจนไม่สามารถซื้อทองให้ครบตามจำนวนของผู้ที่ลงทุนได้ เริ่มมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ถึงย้ายที่อยู่และเปลี่ยนชื่อนามสกุลจริงเพื่อหลบหนี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลระบุว่า วิธีการที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวงนั้นมีความน่ากลัว เพราะมีการสร้างความน่าเชื่อถือหลอกเหยื่อให้ตายใจก่อนซึ่งด้วยวิธีการนี้ทำให้จำนวนเงินที่ผู้เสียหายตัดสินใจนำมาลงทุนนั้นจะมีจำนวนที่สูงกว่าการถูกหลอกลวงทั่ว ๆไป ขอเตือนไปยังประชาชนว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง  สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นผู้ที่ยังทำ หรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อลงมือก่อเหตุ

RELATED ARTICLES