พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผู้กำกับการ1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง4 กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจทาง พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง1 กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจทาง พ.ต.ท.ชนะ ขำทอง สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง6 กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจทาง พ.ต.ท.กฤษณะ เชิงยุทธ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง2 กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจทาง นำกำลังจับกุม นายเตชินท์ พาเจริญเกรียงไกร อายุ 30 ปี ,นายสมัย แซ่เฮ่อ อายุ 30 ปี และ นายชยากร เฮงปัญญากุล อายุ 42 ปี พร้อมของกลางรถกระ 3 คัน ซุกซ่อนแรงงานต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา จำนวน 43 คน ได้บริเวณ ทล.11 กม.72-73 ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
ทั้งนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบมาตามเส้นทาง ทล.11 กม.72-73 พบ รถกระบะต้องสงสัย จำนวน 3 คัน ขับขี่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จึงได้ขับติดตามอย่างกระชั้นชิด พร้อมส่งสัญญาณให้หยุด แต่ทั้งหมดกลับรีบเร่งเครื่องหนี และพยายามจะขับชนรถของเจ้าหน้าที่หลายครั้ง กระทั่งมาถึง บริเวณ กม.72-73 ทล.11 ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับประกบก่อนสกัดได้ จากนั้นคนขับพยายามจะหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ พร้อมแรงงานต่างด้าวจำนวนดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาชาวไทยทั้งสามรายรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าชาวไทย ให้ไปรับแรงงานต่างด้าว ที่บริเวณ พื้นที่ จ.กำแพงเพชร และ จ.พิษณุโลก เพื่อไปส่งปลายทางที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โดยได้ค่าจ้าง 12,000-15,000 บาท ต่อเที่ยว นำเงินที่ได้ไปกินเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ
ด้านแรงงานต่างด้าวรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 15,000 – 25,000 บาท จึงแจ้งข้อหา “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” แก่ผู้ต้องหาชาวไทย ส่วนแรงงานต่างด้าวแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินคดีต่อไป