พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ต.อ.ธณัชชนน์ เก่งกสิกิจ ผู้กำกับการ3กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ตำรวจทางหลวง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 14 จุด ในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ,อุดรธานี และ กรุงเทพมหานคร เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตออกใบอนุญาตที่ดินที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้กับนอมินี เอื้อประโยชน์นายทุนโรงงานแป้งมันสำปะหลังใช้ปล่อยน้ำเสียในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 4 ราย
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย.66 นายกฤษฎา อินทามระ หรือ ทนายปราบโกง ได้เข้าร้องขอให้ทางตำรวจ บก.ปปป.ตรวจสอบพฤติกรรมของ เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดนครราชสีมา หลังเชื่อว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยปะละเลยให้โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ ปล่อยน้ำเสียลงที่ดิน ส.ป.ก.โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ กับโรงงาน ภายหลังรับเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติบูรณาการข้อมูลพร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบ พบมีการฉ้อฉล เร่งรัดดำเนินการออกหนังสือที่ดิน ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้าน 13 ราย เพื่อปกปิดความผิดของบริษัท ในการปล่อยน้ำเสียลงที่ดินของ ส.ป.ก. ของชาวบ้าน จนเป็นเหตุทำให้ที่ดินของรัฐ(ส.ป.ก.) ได้รับความเสียหายเกือบ 600 ไร่
จากแนวทางสืบสวนยังพบว่า ไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นเกษตรกรของชาวบ้านทั้ง13 รายที่เข้ามาถือครองที่ดิน ส.ป.ก.อีกด้วย เพราะมีบางรายเป็นพนักงานโรงงาน ไม่ได้เป็นเกษตรตามข้อกำหนด อีกทั้งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินที่ ส่วนใหญ่พบเป็นบ่อน้ำเสียเต็มพื้นที่ ไม่เหมาะสมในการนำมาจัดให้เกษตรกร รวมถึงยังพบร่องรอยการลงนามเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ มีการเร่งรัดข้ามขั้นตอน และบันทึกข้อมูลอันเป็นเท็จ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกระทำผิดทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายอัครเดช เรียนหิน อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา นางวิไลลักษณ์ บุตรดา อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ นายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี อดีตนายช่างสำรวจอาวุโส และ นายโชคศักดิ์ มณีจันทรา อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่นายช่างรังวัด ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ได้คุมตัวนายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี อดีตเจ้าหน้าที่นายช่างสำรวจอาวุโส หนึ่งในผู้ต้องหาขบวนการออกเอกสารสิทธ์โดยมิชอบให้กับนอมินี เอื้อประโยชน์นายทุนโรงงารแป้งมันสำปะหลังใช้ปล่อยน้ำเสีย เดินทางมายังอาคารพานิชย์เลขที่ 70 ถนนเดชอุดม ซอยเดชอุดม 22 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานของนายปรีชา จากการตรวจค้นพบหลักหมุดที่ดิน ส.ป.ก.จำนวนหลายแท่ง รวมถึงเครื่องรางวัดที่ดินของหลวง จำนวนหนึ่ง อาวุธปืน 1 กระบอก จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่าเสาหลักหมุดที่ดินเหล่านี้มาอยู่ในสำนักงานของนายปรีชา มีที่มาที่ไปอย่างไร ส่วนผลการปฏิบัติการในจุดอื่นๆ ขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย คือ นายอัครเดช เรียนหิน อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา นางวิไลลักษณ์ บุตรดา อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ และ นายโชคศักดิ์ มณีจันทรา อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่นายช่างรังวัด ได้ถูกจับกุมตัวครบหมดทุกคน
พ.ต.อ.ธณัชชนน์ กล่าวว่า สำหรับหลักหมุดที่พบภายในสำนักงานของนายปรีชา ทั้งหมดจำนวน 151 หมุดยังอยู่ระหว่างประสานข้อมูลกับทาง ส.ป.ก. เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นของหลวงหรือไม่ ส่วนชาวบ้านที่เป็นนอมินีทั้ง 13 คน ขณะนี้ยังอยู่ในสถานะเป็นผู้ให้ถ้อยคำ ซึ่งต้องมาพิจารณาดูความเชื่อมโยงและเจตนาอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่ รวมถึงพิจารณาว่าคำให้การของคนเหล่านี้มีประโยชน์ต่อรูปคดีมากน้อยเพียงใด หากให้ความร่วมมือดีก็อาจมีการพิจารณากันไว้เป็นพยาน ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นคนลงชื่อรับรองความเป็นเกษตรกรให้กับนอมินีจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา”
พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า สำหรับหมุดที่ดิน เราอยู่บนหลังรถกระบะ พร้อมอุปกรณ์ คล้ายกำลังเตรียมนำไปปัก ซึ่งหลังจากนี้ต้องเร่งพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า หมุดที่ดินของหลวงเหล่านี้มาอยู่กับผู้ต้องหาได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาคนดังกล่าวเกษียณอายุราชการไปปีกว่าแล้ว อย่างไรก็ตามภายหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินคนละ 3 แสนบาท เพื่อขอประกันตัว ก่อนทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มึตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคง ไม่มีพฤติกรรมในการหลบหนี จึงอนุญาตให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับเคสนี้ถือเป็นเฟสแรกที่เราดำเนินการ เพราะได้รับเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาดังกล่าวมานาน มันเด่นชัด มันพิลึกพิลั่น โดยเคสที่เราไปจับเป็นแค่เพียงสารตั้งต้น ซึ่งหลังจากนี้ยืนยันว่าจะเฟสสองในพื้นที่อื่นๆอีก จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนที่รู้ตัวว่าถือสิทธิ์ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบแนะนำให้ท่านรีบไปถอนสิทธิ์ มิฉะนั้นเราจะไปหาที่หน้าบ้านท่าน เพราะปัญหาดังกล่าวจะต้องถูกปัดกวาดให้หมดสิ้น