พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผู้กำกับการสืบสวน3กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รองผู้กำกับการสืบสวน3กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สารวัตรกองกำกับการสืบสวน3กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน3กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล, ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก,จ.ส.ต.ภานุพงศ์ เวฬุวนารักษ์, ส.ต.อ.อวิรุทธ์ เนียมบุญเจือ, ส.ต.อ.นิติสิทธิ์ โชติคุต, ส.ต.อ.พลภัทร ปรีชา เข้าจับกุมตัว นายสุชิน สอาดศรี อายุ 65 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 350/2567 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 2567 ข้อหา“ข่มขืนกระทำชำเรา โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถไม่ขัดขืนได้ อันเป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล และเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเองอันเนื่องมาจากเป็นผู้มีจิตบกพร่อง,กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันเป็นการกระทำตาอหน้าธารกำนัล และเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเองอันเนื่องมาจากจิตบกพร่อง,พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ” จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้าน ซอยพึ่งมี 50/36 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
ก่อนเกิดเหตุประมาณปลายเดือน ก.พ. 2567 ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้บกพร่องทางจิต ไปซื้อถ่านเพี่อย่างหมูที่ร้านขายของอยู่เป็นประจำ พี่สาวของผู้เสียหายได้พบว่าผู้เสียหายถือถุงน้ำอัดลมเดินกลับมา จึงได้สอบถามว่าใครซื้อให้จนทราบว่า นายสุชิน หรือโก๋ อายุ 65 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านพักของผู้เสียหายเป็นผู้ซื้อให้ และ นายโก๋ฯยังได้ทำอนาจารโดยการจับหน้าอกแล้วให้เงินไปซื้อน้ำอัดลมเป๊ปซี่ ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี จนพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนรู้จักและสนิทกับผู้เสียหายมานานเนื่องจากพักอาศัยอยู่ใกล้กัน ไม่ทราบว่าผู้เสียหายมีความบกพร่องทางจิต ยอมรับว่าวันที่เกิดเหตุได้ใช้มือจับที่หน้าอกผู้เสียหายจริงเพราะสนิทกัน แต่ไม่ได้ล่วงละเมิดผู้เสียหายแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะค้านกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ก่อนนำตัวส่ง สถานีตำรวจนครบาล พระโขนง ดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่เป็นผู้อ่อนแอทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่สามารถป้องกันตนเองได้ เป็นสิ่งรับไม่ได้กับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นอันตรายต่อสังคม แต่ก่อนเรามักจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศมักจะต้องเกิดขึ้นในที่เปลี่ยว เวลากลางคืนเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นจริงอีกส่วนที่เหยื่อมักจะถูกกระทำโดยบุคคลที่รู้จัก หรือคุ้นเคย เพราะบุคคลเหล่านี้มักจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าใกล้เหยื่อเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้นผู้ปกครองควรใส่ใจ และคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เรื่องอันเลวร้ายนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของตนเอง