ตม.รวบไกด์เถื่อนเวียดนามปล้นเพื่อนร่วมชาติ พร้อมคู่รักจีน-คาซัคฯแสบ หลอกขายนาฬิกาหรูเสียหายกว่า 12 ล้านบาท

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.ประพันธ์ศักด์ิ ประสานสุข ผู้บังคับการสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คดี

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง3 จับกุม MR.NONG (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติเวียดนาม ตามหมายจับศาลอาญา พระโขนง ที่ จ.501/2566 ลงวันที่ 28 ส.ค.2566 ข้อหา “ชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทาความผิด ด้วยกันต้ังแต่สามคนข้ึนไป ผู้นั้นกระทาความผิดฐานปล้นทรัพย์, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น, ทาร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็น เหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” สืบเนื่องจาก MR.TRAN (ผู้เสียหาย) สัญชาติเวียดนามพร้อมกับพวกกับเพื่อนรวม 8 คนได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และได้เช่าบ้านพัก ภายในซอยสุขุมวิท 101 ถนนปุณณวิถี แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ก่อนที่จะติดต่อกับ MR.NAM ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นชาวเวียดนาม ให้เป็นไกด์นำเที่ยวต่อมาช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 21 ส.ค.2566 MR.NAM พร้อมพวกจานวน 7 – 8 คน ได้เข้ามาที่บ้านพักดังกล่าวแล้วใช้อาวุธมีดปลายแหลม ขู่บังคับให้ MR.TRAN กับเพื่อนให้เข้าไปอยู่ในห้องพัก จากนั้นใส่กุญแจมือและใช้โซ่เหล็กล่ามขา ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายบังคับให้ ผู้เสียหายกับเพ่ือนส่งมอบเงินสดและโทรศัพท์มือถือให้ก่อนจะหลบหนีไปออกนอกประเทศไทยทางจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ 2 ในวันที่ 26 ส.ค.2566 หลังเกิดผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาพระโขนงออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ไว้จำนวน 13 ราย จนกระทั่งทราบว่า MR.NONG หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นชาวเวียดนามผู้ก่อเหตุได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย พักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดี

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า คดีที่สอง เจ้าหน้าที่ กองกำกับการ4 กองบังคับการสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง นายอัลคัส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติคาซัค ตามหมายจับของศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.163/2567 ลงวันที่ 21 พ.ค.2567 และนางสาวลิลลี่ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับของศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.164/2567 ลงวันที่ 21 พ.ค.2567 ข้อ “ร่วมกันฉ้อโกง”จับกุมได้ที่ คอนโดมิเนียมภายใน ซ.สุขุมวิท 32 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เนื่องจากนายอัลคัส และนางสาวบิลลี่ ซึ่งเป็นแฟนกัน ได้ร่วมกันหลอกให้นายหน้าขายนาฬิกา ยี่ห้อ Patek Philippe ของผู้ต้องหา โดยแจ้งกับผู้เป็นนายหน้าว่า จะจ่ายเงินค่าตอบแทนในการนาไปขายให้ เรือนละ 800 ดอลล่าห์สหรัฐ เมื่อนายหน้าตกลง ผู้ต้องหาได้นำนาฬิกายี่ห้อ Patek Philippe พร้อมเอกสารจากร้านที่รับตรวจสอบนาฬิกาที่มีชื่อเสียง โดยอ้างว่าเป็นเอกสารรับรองของจริง ก่อนที่นายหน้าจะนำนาฬิกาดังกล่าวขายให้กับร้านนาฬิกาชื่อดังแห่งหนึ่ง ในราคากว่า 12 ล้านบาท ต่อมาร้านนาฬิกาได้ทำการตรวจสอบพบว่า นาฬิกาและเอกสารรับรองนาฬิกาเป็นของปลอมจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายอัลคัส นางสาวบิลลี่ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมภายใน ซ.สุขุมวิท 32 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดี

“ส่วน คดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ2กองบังคับการสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังเข้าจับกุม นายอัลเมด (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติเยอรมัน ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”  เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า มีโรงแรมภายในซอยสุขุมวิท 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยแล้วไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทราบ จึงรุดไปตรวจสอบ โดยระหว่างตรวจสอบพบนายอัลเมด ผู้ต้องหารายนี้ จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางและข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้สอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศ ไทยรับแจ้งว่านายอัลเมด เป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรอาชญากรรมไดก่อเหตุทะเลาะวิวาทและพยายามฆ่าโดยใช้อาวุธ ปืนยิงฝ่ายตรงข้ามจานวน 4 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป” พล.ต.ต.พันธนะ กล่าว

RELATED ARTICLES