ทลายรังคอลเซ็นเตอร์กลางอำเภอศรีราชา

 

ตามนโยบายของทางรัฐบาล ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี โดยให้สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และเร่งแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยด่วน ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ  ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้ทำงานสนองตามนโยบาย และได้มีการสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง

ก่อนมีมาตรการ “ระเบิดสะพานโจร ตัดซิม เสา สาย ตามแนวชายแดน” ที่กลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ในการหลอกลวงเหยื่อทั่วประเทศ ทำให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้หมดลง หรือไม่สะดวกต่อการใช้งาน ทำให้แก๊งคอลเซนเตอร์ปรับตัวลักลอบนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และพนักงานในแก๊งมาตั้งเป็นออฟฟิศคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนในประเทศไทย

ต่อมา พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 สืบทราบว่า มีขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้บ้านภายในหมู่บ้านดิไอคอน หมู่ 9 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตั้งเป็นออฟฟิศทำงานอยู่ ก่อนประสานสถานีตำรวจภูธรศรีราชา บูรณาการกำลังร่วมไปตรวจสอบพบชายไทย 4 คน ภายในบ้านมีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ 10 เครื่อง และพบข้อมูลการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์  ทั้งหมดรับว่า ร่วมกันเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งเพจเฟซบุ๊กในการหลอกช่วยเหลือเหยื่อ มีการยิงแอดโฆษณา หลอกว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือทนายความที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทำเรื่องฟ้องร้องได้ และทำให้ได้เงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา  หลอกซ้ำเติมเหยื่อให้โอนเงินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในการช่วยเหลือ และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม (หลอกให้รัก)  มีสคริปต์การพูดหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้  ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพบว่ามีการสนทนากับเหยื่อในแอปพลิเคชันเมสเซ็นเจอร์เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิศเชียลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ ตรวจยึดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไว้ นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิด ครอบครองอาวุธปืนพกสั้น แบบกึ่งอัตโนมัติ   เครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด

จากการขยายผลทำให้ทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์นี้ มีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวจีน คือ Mr.ZHOU หรือ นายเจ้า สัญชาติจีน มีรองหัวหน้า คือ  Mr.CHEN หรือ ปีเตอร์ สัญชาติจีน และมีเลขาเป็นคนไทย คือ นายภาวัต หรือ เหว่ย มีพฤติกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ บ่อนการพนัน และฟอกเงิน ตำรวจรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลขอหมายค้นอีก จำนวน 3 จุด ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม   ปัจจุบันทราบว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าคนจีนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว  กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายฐานออฟฟิศมาในประเทศไทย เนื่องจากความไม่สะดวกเรื่องการติดต่อสื่อสารและสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ต่างประเทศ ถึงกล้าเสี่ยงมาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย

RELATED ARTICLES