กรณีที่มีคนร้าย 2 เข้าชิงทรัพย์ร้านทองในห้างดังเมืองระนอง เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา และได้สร้อยคอทองคำไปไม่ต่ำกว่า 60 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการแกะรอยคนร้ายจนสามารถจับกุมนายวีระวุธ หรือเหน่ง เชื้อฉิม อายุ 41 ปี ชาวตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ที่บ้านพักหมู่ที่ 4 ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง ที่เป็นสวนปาล์ม สอบสวนรับสารภาพนำไปสู่การควบคุมตัว น.ส.เนย (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 16 ปี หลานสาวทอมที่เป็นนักมวยเก่าชาวตำบลกะเปอร์ อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ก่อนได้ความร่วมมือและใช้เครื่องมือพิเศษของตำรวจสืบสวนภาค 1 และตำรวจสืบสวนภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสมุทรสาครตามไปรวบได้ที่ห้องพัก หมู่ที่ 6 ตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทจำนวน 4 เส้น น้ำหนักรวม 4 บาท และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
ต่อมา พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง นำตัวนายวีระวุธ เชื้อฉิม ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบการรับสารภาพ พร้อมด้วยตัวแสดงแทนหลานสาวที่ชักชวนไปร่วมก่อเหตุที่ร้านทองในห้างดัง มีนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ร่วมดูแลการทำแผน มีการคุ้มกันพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอย่างเข้มข้น พนักงานของห้างและร้านค้าในห้างให้ความสนใจดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปชี้จุดที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ของห้างที่คนร้ายขับเข้ามาจอดก่อนไปลงมือชิงทรัพย์ แล้วกลับมาขับรถย้อนออกไปในทางเข้า เป็นรถที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในราคา 1,500 บาท แล้วนำมาซ่อมเพื่อใช้งาน ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนพลาสติกที่ให้ น.ส.เนยซื้อมาให้ลูกสาวเล่นในราคา 25 บาท
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวีระวุธไปชี้จุดที่ทิ้งรถจักรยายนต์บริเวณซอยข้างภูเขาหญ้า ตำบลหงาว ชี้จุดถอดเสื้อและกางเกงตัวนอกออก รวมถึงถุงมือและปืนพลาสติกใส่กระเป๋าผ้าทิ้งไว้บริเวณริมป่าใกล้กัน และนั่งนับสร้อยทอง อนจะเดินออกไปขึ้นรถสองแถวที่ถนนเพชรเกษมกลับบ้านพักที่ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง แล้วนำตัวไปทำแผนที่บ้านพักที่หมู่ 4 ตำบลราชกรูด ชี้จุดที่ได้มีการขุดหลุมฝังทองเอาไว้บริเวณหลังบ้าน
หลังเสร็จสิ้นการทำแผน พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนองให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่านับจากวันที่คนร้ายได้ก่อเหตุคือวันพุธที่ 12 กันยายน ตนได้วางแผนแกะรอย และให้เจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งกล้องวงจรปิด การนำภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดกระจายไปตามสื่อโซเชียลจนพบร่องรอยและการแจ้งเบาะแสจากโซเชียล คนใกล้ชิด และขอบเขตพื้นที่ที่คนร้ายใช้หลบซ่อน เป็นบ้านเช่าในสวนปาล์มพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง ก่อนวางเจ้าหน้าที่ซุ่มเฝ้าเอาไว้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเช้าวันศุกร์ที่ 13 กันยายน ผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปพร้อมแม่และลูก เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าจับกุมพาไปขุดนำสร้อยคอทองคำที่ใส่กระปุกพลาสติกและฝังไว้บริเวณหลังบ้านส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งได้ซุกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าผ้าของแม่ โดยที่แม่ไม่รู้เรื่องเลย และรับสารภาพว่าได้ให้สร้อยคอทองคำกับน.ส.เนยไป 5 เส้น เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจยึดสร้อยคอทองคำกลับมาได้จำนวน 38 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท และเมื่อรวมกับที่ น.ส.เนยอีก 4 บาท ได้คืนมารวม 52 บาท ขอยืนยันว่าจำนวนสร้อยคอทองคำที่ตรวจยึดคืนมาได้นั้นเป็นตามจริง เพราะได้กำชับรองผู้บังคับการ และผู้กำกับเอาไว้ให้ของกลางอยู่ในสายตาอย่างเคร่งครัด ส่วนจำนวนที่ขาดหายไปจากที่ทางร้านแจ้งมานั้น อาจมีการตกหล่นระหว่างการหลบหนี เป็นเป็นได้ทั้งที่จุดจอดรถของห้าง ระหว่างทางที่ผู้ต้องหาบอกว่ารถล้ม 1 รอบ รวมไปถึงบริเวณภูเขาหญ้าที่นำรถมาทิ้งและเปลี่ยนชุดด้วย
พล.ต.ต.เชิดพงษ์ย้ำว่า เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้นทางตำรวจมีการออกตรวจตราเป็นวงรอบเป็นประจำอยู่แล้ว ร้านทองภายนอกห้างได้มีการทำลูกกรง และได้มีการฝึกการใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวเองให้กับเจ้าของร้าน แต่ในกรณีนี้คนร้ายอาศัยช่องว่างของเวลาและช่องโหว่ของทางร้านเข้าปฏิบัติการ เพราะคนร้ายบอกว่าง่าย ไม่มีลูกกรง และพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง อีกทั้งคนร้ายก็ไปศึกษาโดยการเข้าไปดูคลิปในยูทูบและทำการวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้าด้วย
ทางด้านนายสมบัติ สิงห์คาร นายอำเภอเมืองระนองกล่าวว่า ใบอนุญาตร้านทองต้องมีการต่อทุกปี ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเข้าไปพูดคุยกับทางร้านให้เพิ่มมาตรการในการป้องกันให้มากกว่านี้ โดยต้องมีการติดลูกกรง อีกทั้งต้องเข้าไปพูดคุยกับทางห้างเรื่องมาตรการความปลอดภัยของทั้งทางร้านและผู้ที่เข้ามาใช้บริการด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากอีกครั้ง