ตั๋วเต็มหมดแล้ว

 

บรรยากาศภายในทุ่งปทุมวันกำลังฝุ่นตลบอบอวล

บรรดานักวิ่งต่างหา “ขั้วอำนาจ” เข้าสู่จุดสตาร์ต ทิ้งคนทำงาน “นั่งนิ่ง” น้ำตาไหล “ไร้ผู้เป็นนาย” เหลียวแลส่งรายชื่อเข้าประกวดชิงชัย

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามกฎเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้

นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจ

เปิดประวัติศาสตร์การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ที่แต่งตั้ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสสุงสุดขึ้นเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดั่งที่เคยเป็นธรรมเนียมในการปฏิบัติที่ดีงามมาโดยตลอด

อ้าง “ถอดบทเรียน” จากการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงประชาชนเกิดวิกฤติศรัทธาต่อตำรวจอย่างมาก เกิดความเสียหายหลายประการ มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหาค้างคามาจนถึงทุกวันนี้

ในเดือนพฤศจิกายนจะต้องดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกสองช่วง

ช่วงแรกประมาณกลางเดือนจะเป็นการแต่งตั้งระดับ พล.ต.ท.-พล.ต.อ.กฎหมายกำหนดให้ยึดอาวุโสร้อยละ 100 สำหรับการเลื่อนตำแหน่งจาก “ผู้บัญชาการ” เป็น “ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” และ “ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” เป็น “รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”

อยละ 50 สำหรับ “รองผู้บัญชาการ” เป็น “ผู้บัญชาการ”

ส่วนช่วงปลายเดือนจะเป็นการแต่งตั้งระดับ พล.ต.ต.ใช้หลักอาวุโสร้อยละ 50

พล.ต.อ.เอกเน้นหลักการว่า สิ่งสำคัญที่ผู้มีอำนาจและผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการแต่งตั้งทุกระดับต้องตระหนัก

ประการแรกบริบทและเจตนารมณ์กฎหมายต่างๆไม่ว่า บทบัญญัตติในกฏหมายรัฐธรรมนูญ 2560 พระราชบัญญัติตำรวจ 2565 กฎกรรมการข้าราชการตำรวจว่าด้วยการแต่งตั้งตำรวจ 2567

”การแต่งตั้งตำรวจ ต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรม ให้คำนึงถึง อาวุโส ความรู้และความสามารถ กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งชัดเจนแน่นอน มิให้ผู้ใดใช้อำนาจหรือกระทำการโดยมิชอบ ตำรวจต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด“

ประการที่สองพระราชบัญญัติตำรวจ 2565 กำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจขึ้นเป็นครั้งแรก

“ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้ง สามารถร้องทุกข์ต่อคณะกรรมพิทักษ์คุณธรรม คำวินิจฉัยเป็นที่สุด เพื่อพิทักษ์คุณธรรมและเป็นที่พึ่งของตำรวจ”

ประการสุดท้าย ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการแต่งตั้ง หากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การแต่งตั้ง เป็นเหตุให้มีผู้ร้องทุกข์เกิดความเสียหาย

“ให้ถือว่าเป็นความผิดวินัยหรือผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษได้โดยไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวน หรืออาจถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาฐานกระทำการต่างๆโดยมิชอบ เกี่ยวกับการแต่งตั้งตำรวจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี”

ดังนั้นกระบวนการแต่งตั้งต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้

เริ่มตั้งแต่การเสนอชื่อผู้ที่จะเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดตามลำดับ

เริ่มจากสถานีตำรวจ กองกำกับการ กองบัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“กรณีที่เคยปรากฏ มีการสั่งการ(ตั๋ว)จากผู้บังคับบัญชาระดับสูงไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดให้เสนอรายชื่อคนที่สั่งลงไปเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย” พล.ต.อ.เอกว่า

การพิจารณาของผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ต้องเป็นการประชุมในรูปคณะกรรมการ ร่วมกับ รองหัวหน้าหน่วยทุกคน มีการบันทึกรายงานการประชุม ตามข้อเท็จจริง ประกอบเหตุผลอ้างอิงต่างๆอย่างถูกต้อง

“ขณะเดียวกันเคยปรากฏ ผู้บังคับบัญชาจัดทำรายงานการประชุมโดยมิได้มีการประชุมจริง ให้ลงชื่อ หรือ ให้ลงชื่อในกระดาษแผ่นสุดท้ายไปจัดทำรายงานการประชุมภายหลังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย”

เจ้าตัวว่า หวังการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่จะเกิดขึ้นทุกระดับต้องดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป

ข้าราชการตำรวจที่ดี มีความรู้ ความสามารถจะได้เจริญก้าวหน้า มีขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน

สมกับคำว่า“ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน”

ทั้งที่ความจริง “ตั๋วเต็ม”หมดแล้ว

RELATED ARTICLES