นิ้วร้ายก็ต้องตัดทิ้ง

 

สุมหัวกันตั้ง “แก๊งนักบิน” อุ้มรีดชาวต่างชาติสร้างเรื่องราวฉาวโฉ่วงการสีกากีอีกครั้ง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบดาบให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาความตามการกระทำผิดที่เกิดขึ้น ก่อนลงนาม “เช็กบิล” ในคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน “ยกก๊วน” นอกแถว 9 นาย

พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ รองสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ร.ต.อ.อำนวย คงกลิ่น รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร ด.ต.สุพรรณ ของใส ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ด.ต.ชยพล วงษ์ปัน ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ด.ต.มนัสวี จรรยาลักษณ์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ด.ต.พรเทพ สังขาระ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ด.ต.สยาม ทองมนต์ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1

บรรยายตามพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน

กรณีเรียกรับเงินจาก นายไซ สัญชาติวานูอาทูน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00 น.ขณะผู้เสียหายอยู่บ้านเลขที่ 123/89 หมู่บ้านเดอะซิตี้ บางนา ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมภรรยา คนขับรถ เพื่อนชาวจีน และแม่บ้านรับใช้

พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า กับพวกแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ  มีผู้ต้องหาเป็นพลเรือนทำหน้าที่ล่ามให้ผู้เสียหายยินยอมตรวจค้น ระหว่างนั้นได้ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมหนังสือเดินทาง และว่าจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย แม้ผู้เสียหายจะยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้อง

จากนั้นแก๊งตำรวจนอกแถวได้ร่วมกันข่มขู่เรียกเอาทรัพย์สินจากนายไชแลกกับการไม่ดำเนินคดีจำนวน 300 ล้านบาท หรือเงินสกุลดิจิทัล 10 ล้าน USDT แต่นายไซแจ้งว่า ไม่มีเงินสกุลไทยมาถึงขนาดนั้น และไม่ตกลงยินยอมด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้ยึดคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แล้วนำตัวนายไซกับบุคคลในบ้านไปยังกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เจรจากันอีกรอบบริเวณลานจอดรถชั้นดาดฟ้า

ต่อรองราคากันเหลือ 10 ล้านบาท

ผู้เสียหายชาวต่างชาติยังคงไม่ยอมตกลง  ทำให้ถูกพาตัวไปกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สลับกันเข้าสอบปากคำทำให้นายไซยอมโอนเงินสกุล USDT จำนวน 5 ล้านบาทเข้ากระเป๋าดิจิทัลของล่ามที่เป็นพลเรือน แต่ได้โอนไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 9,253 USDT อีกครั้ง จำนวน 140,000 USDT แล้วปล่อยตัวไป

ต่อมาวันรุ่งขึ้น ผู้ต้องหาเป็นพลเรือนติดต่อไปยังนายไซแจ้งว่า หากต้องการทราบว่า บุคคลใดที่กลั่นแกล้งการแจ้งครั้งนี้ ต้องจ่ายเงินอีก 700,000  บาท ผู้เสียหายอมโอนให้เป็นจำนวน 20,895 USDT แต่ปรากฏไม่สามารถติดต่อกลุ่มผู้ต้องหาได้

เชื่อว่า ถูก พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า กับพวกเป็นเจ้าพนักงานกรรโชกทรัพย์ ก่อนมอบหมายให้ทรนายความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

“นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้ง” พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี1 ยืนยันไม่เลี้ยงพวกกาฝาก

บินออกตระเวนหากินทำหน่วยเหม็นเน่า

RELATED ARTICLES