วิถีวงจรวิบัติ

 

เรื่องของคนมีของ ได้สิทธิจับจองเก้าอี้ดนตรี

ยุคปัจจุบันเส้นทางชีวิตราชการตำรวจต้องประกวดแข่งขันความเจริญก้าวหน้าในอาชีพด้วย “ตั๋วฝาก” อย่างนั้นหรือ

อำนาจนอกรั้วเข้าครอบครองสำนักปทุมวันเต็มรูปแบบ นักการเมืองอิงแอบแนบชิดนายใหญ่อาศัยเส้นสายฝังร่างผลักดันคนของตัวเองเป็นใหญ่

แม้กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจนั่งหัวแถวยังไร้สิทธิ “ทุบโต๊ะ” เลือกใคร เพราะ “นายใหญ่ผู้พ่อ” จัดสำรับเสิร์ฟให้เสร็จสรรพ

นับประสาอะไรกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพสกากี นั่งเก้าอี้อำนาจมือเปล่าไร้ “คมดาบฟัดฟัน” สรรหาขุมกำลังเป็นของตัวเอง

อาจโชคดีอยู่บ้างตรงเพื่อนร่วมรุ่นไขว่คว้าหา “ใบการันตี” เลื่อนตำแหน่งทำเลทองในเกมประลองการแข่งขัน

เททิ้งคนทำงาน “ไม่มีเส้น ไม่มีสาย ไม่มีนาย”คอยสนับสนุน

ดุนหลังให้คนประเภทนี้ทิ้งอุดมการณ์ทำงานเพื่อประชาชนและองค์กรเปลี่ยนไปหา “ขั้วอำนาจ” เลือกค่ายเอาใจผู้หลักผู้ใหญ่

ไว้ต่อรองความก้าวหน้าของอาชีพ

เป็นแบบนี้มาทุกยุคทุกสมัยและกำลังลุกลามเป็นวงกว้างอยู่เรื่อย ๆ ในอนาคต

กฎหมายตามร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติขีดเขียนไว้สวยหรูเป็น “กฎเหล็ก” ขีดเส้นตายทว่า “ไร้ประโยชน์”

อำนาจนอกรั้วมีสิทธิมีเสียงมากกว่าคนในสำนัก

คณะกรรมการข้าราชการตำรวจที่หวังพึ่งพาเป็น “ด่านอรหันต์” บ่อยครั้งนิ่งเฉย “ปล่อยผ่านเลย” ความถูกต้อง

ถามว่า คนนั้น ดีกว่าคนนี้ตรงไหน “หากไม่ใช่เป็นคนของใครฝากมา” วัดราคาค่าของฝีมือการทำงานน่าจะประจักษ์ชัดเจนที่สุด

“ฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายกำลังทำลายขวัญกำลังใจที่ไม่มีตัวตน แต่ทุกคนต้องการ” บางคนว่าไว้

บทพิสูจน์การพิจารณาบัญชีนายพลระดับผู้บัญชาการกำลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูเกี่ยวกับการจับจองเก้าอี้เพื่อพวกพ้องเพื่อนฝูง ลอยแพคนทำงานเพื่อชาวบ้าน

ปฐมบทของเหตุการแต่งตั้ง “ปลาผิดน้ำ” เป็นเมนูเสิร์ฟเบื้องต้น

รอบัญชีระดับ รองผู้บัญชาการ ถึง สารวัตร ไม่มีทางสลัดภาพ “อำนาจนอกรั้วเหนือกองทัพ” กำลังพาย่อยยับทั้งกระบวนการ

หากเป็นแบบนี้ไม่กี่ปี ตำรวจน้ำดี ทำให้ให้ชาวบ้านจะไม่มีให้เห็น

ทั้งกองทัพจะเต็มไปด้วย “ตำรวจวิ่งเต้น” เป็นภารกิจหลัก

แล้วแต่วาสนาครับ ทำงานให้ดีต่อไปดีกว่า ไม่กี่ปีก็เกษียณแล้วไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่แล้ว มีความสุขกับวันที่เหลือ” นายพลผู้พ่ายผิดหวังยอมแพ้ระบบ “วิถีวงจรวิบัติ”

น่าเศร้าใจไหมครับ

RELATED ARTICLES