กลายเป็นปมปัญหาหมักหมมเกิดขึ้นนานนมหลายปี
ภัยร้ายของ “ยานรก” เรื่องหนักอกของรัฐบาลที่ไม่อาจกำจัดให้เด็ดขาดปล่อยให้เกิดการแพร่ระบาดสู่รากหญ้าตามชุมชน
คนคลุ้มคลั่งประสาทหลอนทำร้ายชาวบ้านรายวัน
ลูกฆ่าพ่อ ฆ่าแม่เป็น “ทรพี” สุดโหดเหี้ยม
บ่อยครั้ง “บุพการี” ทนไม่พฤติกรรมทาสยานรกของลูกไม่ไหวต้องตัดสินใจฆ่าทิ้งไม่ให้ไปทำร้ายใครอีก
ผู้รักษากฎหมายพยายามทำทุกวิถีทาง ทว่าดูเหมือน “ประคองอาการ” คนป่วยจิตที่เพ่นพ่านตามท้องถนนกลายเป็น “เมืองผีดิบ”
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ มีมุมมองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวบอกตำรวจแก่ขอร่วมแชร์
เจ้าตัวว่า ชนะสงครามยาเสพติดแน่ ถ้าเจ้าหน้าที่และประชาชนมั่นใจในตัวผู้นำ มั่นใจในภาวะผู้นำของผู้ประกาศสงคราม
นอกจากตรึงแนวชายแดนป้องกันนำเข้ายาและชวนเพื่อนบ้านร่วมมือ การปราบเด็ดขาดต่อผู้ค้าและเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมทำผิด ผู้เสพกลัวรีบเข้าบำบัด เปิดค่ายทหารเป็นค่ายบำบัด
“เลิกยาด้วยใจและกายที่เข้มแข็งไม่งั้นตายแน่”
เขาเสนอนำมวลชน หรือสมัชชาต้านยาบ้าเข้าควบคุมทุกพื้นที่ ประกาศชัยชนะและเฝ้าระวัง สำเร็จด้วยผู้นำระดับพื้นที่เข้มแข็งร่วมมือร่วมใจและปลุกเร้าภาคประชาชนให้ฮึกเหิม
นำคนส่วนใหญ่คุมคนส่วนน้อย
สร้างสมัชชาประชาชนประกาศก้องไม่ยุ่งยาเสพติด
ชี้เป้าผู้เสพผู้ค้า ช่วยกันนำผู้เสพเข้าบำบัด
“ผู้ค้าคือ ผู้ทรยศต่อชาติและแผ่นดินต้องช่วยกันปราบปราม ทำข้างต้นชนะสงครามยาแน่นอน” พล.ต.อ.ปัญญาว่า “แต่ที่แพ้สงครามยาเสพติดเพราะชาวบ้านกลัวไม่กล้าสู้ ชาวบ้านระแวงเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ข้างผู้ค้ายาเสพติด”
หน้าที่รัฐไม่ทำงานจริงจัง เจ้านายถามก็บอกทำแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐนึกว่าไม่มียาเลยประกาศชัยชนะ
ที่แท้ชาวบ้านไม่กล้าบอก
พล.ต.อ.ปัญญาย้ำว่า ข้างต้น คือ การประมวลประสบการณ์ ที่ตัวเองเคยร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด ขณะเป็นตำรวจอยู่จังหวัดอุดรธานีและภาคอีสาน ช่วงปี 2535-46 ภูมิใจที่ได้ช่วยประชาชน ฟังจากเวทีหาเสียงนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ผู้หาเสียงถามผู้ฟังปราศรัยเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่
“เสียงจากผู้ฟัง บอกยาเสพติดมีมากและเดือดร้อน ยาเสพติดมันกลับมาอีกแล้วครับ เจ้าหน้าที่รัฐจะบอกว่า ทำแล้วๆๆ มีปัญหายาเสพติดเบาบาง หรือปานกลางฟังแล้วงงๆ ปล่อยปัญหายาเสพติดสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนจนทุกข์ใจตลอดไปอย่างนั้นหรือ”
ต้องจริงจังเข้มข้นอีกรอบครับ