พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รองผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รองผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังจับกุม
นายธนจิตร มาลีบำรุง อายุ 27 ปี ที่อยู่ 130 ม.2 ต.ขามเปี้ย อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ดนายธนจิตร อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ 645/2566 ลงวันที่ เดือนธันวาคม 2566 “ฉ้อโกง” จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าห้องเช่า พัฒนาการ ซอย 10/1 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
ทราบว่าประมาณเดือน มีนาคม 2565 ผู้เสียหายซึ่งชาวจีนได้รู้จักกับินายธนจิตร ผู้ต้องหารายนี้ โดยมีเพื่อนแนะนำให้รู้จัก ต่อมาเพื่อนของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคนจีน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และถูกเจ้าที่หน้าที่ตำรวจตม.3 คุมขัง โดยผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะประกันตัวเพื่อนออกมาต่อสู้คดี นายธนจิตร ผู้ต้องหาจึงอ้างว่า สามารถช่วยเหลือ เรื่องประกันตัวได้ เนื่องจาก พ่อของตนเองเป็นทหารยศพลตรี สนิทกับบิ๊กตำรวจระดับรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง โดยเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 นายธนจิตรฯ ผู้ต้องหา บอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน จำนวน 50,000 บาท เป็นค่าเลี้ยงอาหารบิ๊กตำรวจรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง และในวันเดียวกันนายธนจิตร ผู้ต้องหา แจ้งว่าให้โอนเงินมาให้ตนเองอีก จำนวน 42,600 บาท ต่อมา วันที่ 17 กันยายน 2565 นายธนจิตร แจ้งว่า ต้องการเงินก่อนเป็นจำนวนเงิน400,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้ให้เงินนายธนจิตรฯ ผู้ต้องหา ไปแล้วเป็นจำนวน 92,600 บาท เหลืออีกจำนวน 307,400 บาท
ต่อมาวันที่ 20 กันยายน 2565 นายธนจิตร แจ้งว่า รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (พัทยา) ต้องการเงินอีก จำนวน 200,000 บาท ในการประกันตัว ถ้าไม่เช่นนั้น จะไม่ได้ประกันตัว ผู้เสียหายจึงโอนเงินจำนวน 200,000 บาท และบอกว่า วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ให้ไปรับตัวเพื่อนได้เลย จนมาถึงวันที่ 5 ตุลาคม2565 ก็ไม่สามารถประกันตัวได้อีก โดยนายธนจิตร อ้างว่า ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ต้องการเงินเพิ่มอีก จำนวน
400,000 บาท จึงนัดหมายให้ส่งเงินกันในวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ถ้าให้เงินอีกจำนวน 400,000 บาท โดยนัดหมายส่งมอบเงินกันที่ ห้างเดอะสตรีชรัชดา และในวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ก็สามารถประกันตัวออกมาได้เลย เมื่อถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ก็ยังไม่สามารถประกันตัวเพื่อนได้อีกเลย โดยบอกว่า ผู้บังคับการ ตม.3 ต้องการเงินอีกจำนวน 600,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่ตกลงด้วย
แต่นายธนจิตร ผู้ต้องหา ยังไม่หยุดแค่นั้น อ้างอีกว่า จะหาผู้ใหญ่คนอื่นมาช่วย อ้างว่า เป็นสมาชิกสภาผู้แทนส่วนจังหวัด (สจ.) เป็นเจ้าของเกาะสีชัง พร้อมให้เงินอีกจำนวน 50,000 บาท เพื่อไปเลี้ยงข้าว ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2565 นายธนจิตรฯ ผู้ต้องหา ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ต้องการเงินอีกจำนวน 30,000 บาทไปเลี้ยงข้าว ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 อีกรอบ จากนั้น นายธนจิตรฯ ผู้ต้องหา ยัง
บอกผู้เสียหาย อีกว่า สจ. ต้องการเงินอีกจำนวน 500,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่ยอม นายธนจิตรฯ ผู้ต้องหา จึงบอกว่าจะหาทนายความไปดำเนินการให้ โดยต้องจ่ายค่าจ้างให้กับ ทนายความเป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท แต่ก็ไม่ได้ประกันตัว ทำให้เกิดความสงสัยว่า เนื่องจากนายธนจิตร ผู้ต้องหา ก็ไม่ค่อยจะรับสาย บ่ายเบี่ยงเรื่อยมาว่าติดธุระ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง รวมส่งเงินกว่า 1,150,000 บาท จึงเข้าแจ้งความความดำเนินคดี นํามาสู่การจับกุมดังกล่าว
สอบสวน นายธนจิตร รับสารภาพว่า รู้จักเพื่อนของผู้ต้องหาจริง และอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และอ้างเพิ่มเติมว่าพ่อของตนเป็นนายทหารยศพลตรี สามารถให้ความช่วยเหลือได้ประกันตัว ผู้ต้องหาชาวจีนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จับไปให้ออกมาได้ จากนั้นมีการออกอุบายให้โอนเงินผ่านนายนิรันดร ฯ บิดา จำนวนหลายแสนบาท และอีกจำนวนหลายก้อน แม้กระทั่งเงินสดที่อ้างว่านำไปเลี้ยงข้าวผู้ใหญ่ ซึ่งตนนำไปใช้ส่วนตัว และไม่ติดต่อผู้เสียหายเพราะตนได้หลบหนีไปอยู่ต่างจังหวัด จนตัวเองกลับมาทำงานที่กรุงเทพมหานคร ได้เพียง 2 เดือน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลจับกุมตัวได้ และจากการสอบถาม พบว่าพ่อของผู้ต้องหาทำงานเชียร์แขกในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ไม่ได้เป็นทหารตามกล่าวอ้างแต่อย่างใด จากนั้นได้นำตัว ส่ง สน.ห้วยขวาง ดำเนินการต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีนโยบายให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาในทางคดีอาญาในทุกคดี อย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างว่ารู้จักบิ๊กตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือนักการเมืองใหญ่โต ดังที่ปรากฎตามหน้าข่าวปัจจุบัน ว่าสามารถให้การช่วยเหลือในคดีต่างๆได้ โดยที่ต้องใช้เงินในการวิ่งเต้นต่างๆ ขอให้ท่านมีสติ ต่อสู้ไปตามกระบวนการทางกฎหมาย สุดท้ายหากท่านพบการกระทำในลักษณะดังกล่าว ให้รีบโทรแจ้งเรื่องร้องเรียนที่เบอร์ 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือแจ้งที่สถานีตำรวจใกล้บ้านของท่าน