โรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่มีหลักสูตรไหนสอนให้จบออกไปเป็นโจร
แต่มี “ผ้าขาวหลายผืน” โดนคราบสกปรกของสังคมกลืนกินจนตัวเองหลงเดินทางผิดหันไปทำทุจริตเสียเอง
ไม่น้อยต้องออกจากราชการติดคุกติดตะรางเป็น “รอยด่าง” ของชีวิต
จิตวิญญาณความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ถูกพรากเพราะอะไร
ใจไม่แข็งพอ หรือโอกาสกลับตัวไม่มี
เป็นเส้นเปราะบางที่บางครั้งเป็น หัวเลี้ยวหัวต่อ ของความคิดจะใช้ชีวิตแบบไหนเมื่อไม่ได้สวมเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ
หลายรายได้นายดีคอยประคับประคองพากลับเข้าสู่อาชีพเก่าดีกว่าปล่อยให้ “หลงเงา” เดินเข้ารกเข้าพงส่งให้เป็น “โจร” เพราะหมดหนทางหากิน
ตัวอย่างล่าสุดของ “รอยด่าง” นักเรียนนายร้อยตำรวจกับความแตกต่างในความอ้างว้างของหมู่มิตรร่วมรุ่น
กลุ่มหนึ่งติดคุกข้อหาทุจริตต่อหน้าที่อย่างไม่มีเจตนา
ทว่าผิดระเบียบ
เพิ่งได้รับอิสรภาพ แต่สถานภาพในอนาคตกำลังง่อนแง่น โชคดีได้เพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนร่วมอุดมการณ์พยายามช่วยเหลือ เพราะเห็นเป็นบุคลากรคุณภาพขององค์กรตำรวจ
พวกเขาไม่ใช่เป็นโจรโดยสันดาน
ผิดกับอีกราย นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ เคยเป็นคนดีของเพื่อน แต่ดูเหมือนเดิน “หลงผิด” ไปพัวพันยาเสพติดเมื่อหลายปีก่อน
เป็นเหตุให้ “ธนากร เดชศรีมงคลกุล” ต้องออกจากราชการเมื่อเดินทางไปถึงแค่ตำแหน่งรองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลนครราชสีมา ก่อนนำเงินของรุ่นไปใช้ “วิ่งเต้นคดี” ทำเพื่อนร่วมรั้วสามพรานเดือดร้อนและตัดหางนับแต่นั้นมา
สุดท้ายเข้าตาจนเลือกเดินตาผิด
ยึดอาชีพต้มตุ๋นหลอกเงินชาวบ้าน อาศัยความเป็นตำรวจพูดจาหน้าเชื่อถือ อ้างรู้จักกับประธานศาลฎีกา ข้าราชการระดับสูงในแวดวงตุลาการ อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สามารถวิ่งคดีความได้
รวมถึงเก้าอี้แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ
พ.ต.ท.นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ยังหลงตกเป็นเหยื่อ
ในที่สุด พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บังคับการปราบปราม ต้องตัดใจออกล่าอดีตนายตำรวจเพื่อนร่วมรุ่น มอบหมายให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าจับกุม
เป็นตัวอย่างที่เกิดจาก “รอยด่าง” ช่วง “รอยต่อ” หลังพ้นชีวิตคนในเครื่องแบบสีกากี
ระหว่างการจะเลือกเป็นพลเมืองดีกับพลเมืองเลว !!!