ดาวฤกษ์มักมีแสงสว่างในตัวเอง
หลายคนเชื่อมั่นในความเป็นธรรม ท้ายที่สุดต้อง “ปราชัยต่อระบบ”
มองความก้าวหน้าของคนอื่นเกิดจาก “พลังลึกลับ” มากกว่าตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ความรู้ความสามารถ
กลายเป็นเศษกระดาษที่ขยำทิ้งลงตระกร้า “ถังขยะ” หาใช่โยนใส่ตะกร้าเอาไปเป็นตัวเลือกประกวดแข่งขันบนกระดานห้องประชุม
“ต้องรออีกนานแค่ไหน” บางคนพึมพำชอกช้ำระกำทรวง
ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายที่ทำลายขวัญกำลังใจคนทำงาน ผ่านไปกี่เที่ยวบิน มีอันต้อง “ตกม้า” หลุดจากการพิจารณาจนเวลาอายุราชการเหลือน้อยลงทุกปี
ดาวฤกษ์ที่เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงไปตามไฟในกายเริ่มหมดอาการหิวกระหายไล่ล่าไขว่คว้าความเจริญก้าวหน้าบนเส้นทางอาชีพผู้ทักษ์สันติราษฎร์
ปล่อยวางและปล่อยมือเพื่อเข้าคิวอาวุโสเรียกขึ้นไปใช้งานในยาม “แก่ชรา” หมดเขี้ยวเล็บ
เป็นเพียง “ม้าศึก”ใกล้ปลดระวาง
หลายคนถอดใจท้อแท้นับวันเดือนปีหมดอายุราชการที่ก้มหน้าตรากตรำทำงานมาเกือบทั้งชีวิตตลอด 30 กว่าปี
เห็นรุ่นน้องข้ามหัว เพื่อนร่วมรุ่นมีบุญหนุนส่งเจริญเติบโต
ส่วนเขาล่ะไม่ดีตรงไหนเมื่อเทียบชั้นฝีไม้ลายมือไม่เป็นรองใครในตองอู กลับต้องมาอุดอู้ปิดเส้นทางเพียงเพราะกฎเกณฑ์คำว่า “อาวุโส” ดันคนเจริญก้าวหน้าที่ใกล้หมดเวลาเช่นกัน
นอนหายใจไปวัน ๆ ไม่ต้องทุ่มเทอะไรมากมายคงถึงเวลานั้นสักที
“ต้องรออีกนานแค่ไหน” เขาคิดคำนวณสูตรตัวเลข
ถึงวันนั้นอาจต้อง “เออร์ลี่รีไทร์” ลาออกก่อนเกษียณเอายศที่ไม่ได้มีคุณค่าแห่งความทรงจำ
หรือรอเป็น “ผู้ทรงคุณวุฒิ” ไม่รู้ต้องไปมุดหัวทำงานอะไร อยู่ตรงไหน
เมื่อหลักเกณฑ์สร้างตรรกะวิบัติ “สกัดดาวฤกษ์” ไม่ให้ส่องแสงแสดงพลังอำนาจช่วยเหลือองค์กรพิทักษ์สันติราษฎร์
ทำให้แสงไฟของพวกเขากำลังมอดลง